สัญญาณเตือนช่องคลอดอักเสบ

สัญญาณเตือนช่องคลอดอักเสบ

18/07/2567 14:01:39 | Views: 1,987

          ช่องคลอดอักเสบเป็นภาวะที่พบได้ในสตรีทุกวัย หลายท่านอาจสงสัยว่าอาการผิดปกติที่เกิดขึ้น เป็นสันญาณบ่งบอกว่าเรากำลังมีภาวะช่องคลอดอักเสบจริงหรือไม่ ดังนั้นเรามาเช็กอาการเสี่ยงไปพร้อม ๆ กัน

 

สัญญาณเตือนช่องคลอดอักเสบ อาการที่คุณต้องสังเกตเอง!

ช่องคลอดอักเสบอาการผิดปกติที่เกิดขึ้น มักจะมีหลายสัญญาณที่บ่งบอกได้ว่าคุณกำลังเสี่ยงกับภาวะนี้ ซึ่งอาการที่สามารถสังเกตได้ในเบื้องต้นมี ดังนี้

  • ตกขาวปริมาณมากผิดปกติ
  • ตกขาวมีสีผิดปกติ เช่น สีเหลือง สีเขียว หรือ ปนเลือด
  • ตกขาวมีกลิ่นเหม็นคาวผิดปกติ
  • เจ็บช่องคลอดขณะมีเพศสัมพันธ์
  • อาจมีอาการระคายเคือง หรือคันบริเวณช่องคลอด

ทั้งนี้หากพบว่าตกขาวมีสีที่เปลี่ยนแปลงไปจากสีขาวปกติ อาจเป็นสัญญาณเตือนจากโรคอื่นๆ ที่นอกเหนือจากช่องคลอดอักเสบได้ เช็กให้ชัวร์อาการตกขาวที่ผิดปกติเป็นยังไง? ได้ที่นี่ อาการตกขาวผิดปกติ บอกโรคได้

 

อาการผิดปกติเบื้องต้นที่ควรสังเกต

  1. กลิ่นผิดปกติไปจากเดิม

          โดยตามธรรมชาติช่องคลอดมีกลิ่นเล็กน้อย แต่หากมีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์อย่างรุนแรงอาจเป็นสัญญาณที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติอย่างอื่น เช่น อาการแสบร้อน อาการคันอย่างรุนแรง ลักษณะของตกขาวที่ผิดปกติ ตลอดจนภาวะเชื้อราในช่องคลอด หรือภาวะช่องคลอดอักเสบจากแบคทีเรีย ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่น เพราะอาจกระตุ้นอาการระคายเคืองในช่องคลอดได้ และควรพบแพทย์เพื่อทำการตรวจหาสาเหตุโดยละเอียด

  1. ความผิดปกติของตกขาว
  • ตกขาวมีสีน้ำตาลหรือปนเลือด เนื่องจากประจำเดือนมาผิดปกติ หรือเป็นมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก อาจมีอาการปวดท้องน้อยและเลือดออกจากช่องคลอดร่วมด้วย
  • ตกขาวมีสีเหลืองขุ่น อาจเป็นสัญญาณของโรคหนองใน โดยมีอาการปัสสาวะผิดปกติและปวดท้องน้อยร่วมด้วย
  • ตกขาวมีสีเหลืองออกเขียวร่วมกับกลิ่นผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อปรสิตจากการมีเพศสัมพันธ์ (Trichomoniasis) โดยมีอาการแสบขณะปัสสาวะร่วมด้วย
  • ตกขาวมีสีออกชมพู สาเหตุจากเยื่อบุโพรงมดลูกลอกตัวหลังการคลอดบุตร
  • ตกขาวมีลักษณะเหนียวผิดปกติ อาจเป็นภาวะติดเชื้อยีสต์ของช่องคลอด
  • ตกขาวมีสีขาวหรือเหลืองร่วมกับกลิ่นคาว อาจเป็นภาวะติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด โดยมีอาการแสบภายในช่องคลอดและอาการบวมแดงร่วมด้วย
  1. เจ็บระหว่างมีเพศสัมพันธ์  ในกรณีเจ็บขณะมีเพศสัมพันธุ์ทั้งที่ไม่เคยเจ็บมาก่อน ควรพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุต่อไป
  1. ภายในช่องคลอดแห้งผิดปกติ

          ปกติในช่องคลอดของผู้หญิงจะมีลักษณะชุ่มชื้น เพื่อลดการเสียดสีและเพิ่มความยืดหยุ่นของช่องคลอด แต่หากมีภาวะขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ก็อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งภาวะช่องคลอดแห้งจะนำไปสู่สาเหตุการติดเชื้อราในช่องคลอด แต่สำหรับผู้ที่เข้าสู่วัยทองภาวะช่องคลอดแห้งถือเป็นเรื่องปกติไม่ใช่เรื่องน่ากังวล

  1. ช่องคลอดมีเลือดออกผิดปกติ

          เลือดออกผิดปกติในช่วงประจำเดือนนั้นมีทั้งเลือดออกมากเกินไป และเลือดออกน้อยเกินไป เป็นผลสืบเนื่องจากปัจจัยหลายสาเหตุ ได้แก่

  • มีเนื้องอกในมดลูก
  • ฮอร์โมนผิดปกติ
  • การใช้ยาคุมกำเนิด
  • มะเร็งปากมดลูกหรือมะเร็งช่องคลอด

          อย่างไรก็ตาม สำหรับภาวะตั้งครรภ์ หากพบว่าช่องคลอดมีเลือดออกถือว่าเป็นอาการที่ไม่ร้ายแรง แต่ควรปรึกษาแพทย์ผู้ดูแลเพื่อความปลอดภัยของผู้ตั้งครรภ์และทารกในครรภ์ และสำหรับผู้ที่อยู่ในวัยหมดประจำเดือนควรปรึกษาแพทย์

  1. มีแผลหรือลักษณะความผิดปกติอื่น ๆ บริเวณผิวหนังใกล้ช่องคลอด

          เมื่อสัมผัสช่องคลอดแล้วรู้สึกว่ามีก้อนเนื้อหรือมีลักษณะเป็นสิวใกล้กับช่องคลอด สาเหตุอาจเป็นเพราะผิวหนังระคายเคืองจากปัจจัยบางอย่าง เช่น ขนคุด หรือการใช้มีดโกนอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม หากพบเจอก้อนความผิดปกติรอบ ๆ บริเวณช่องคลอดเป็นจำนวน ร่วมกับอาการคันและแสบร้อน อาจเป็นอาการของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STD)

ปัจจัยเสี่ยงการเกิดช่องคลอดอักเสบ

  • การสวนล้างช่องคลอด
  • การใช้แผ่นอนามัยเป็นประจำ นอกเหนือจากวันที่มีประจำเดือน
  • การใส่กางเกงรัดรูป
  • รับประทานยาปฎิชีวนะเป็นประจำ
  • ภูมิต้านทานต่ำ
  • การตั้งครรภ์
  • มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน

 

อาการบ่งชี้ภาวะช่องคลอดอักเสบ

  • ตกขาวมากกว่าปกติ
  • ตกขาวปนเลือด มีสีเหลืองเขียว
  • ตกขาวมีกลิ่นคาวปลา
  • ปวดแสบขณะปัสสาวะหรือขณะมีเพศสัมพันธ์
  • คัน ระคายเคืองบริเวณช่องคลอด

 

การเตรียมตัวก่อนไปพบแพทย์

  • ควรนัดแพทย์ในวันที่ไม่มีประจำเดือน
  • ไม่ควรสวนล้างหรือมีเพศสัมพันธ์ 24 ชั่วโมงก่อนพบแพทย์
  • จดบันทึกอาการ ยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่กำลังรับประทาน รวมถึงคำถามที่ต้องการถามแพทย์

 

วิธีป้องกันและลดโอกาสเสี่ยงช่องคลอดอักเสบ

การใส่ใจดูแลช่องคลอดอย่างถูกวิธีสามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดอาการช่องคลอดอักเสบลงได้ โดยสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้

  • ดูแลรักษาความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศภายนอกด้วยน้ำสะอาด และใช้กระดาษชำระเช็ดทุกครั้งหลังการขับถ่าย
  • หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำหอมในการล้างอวัยวะเพศ
  • หลีกเลี่ยงการสวนล้างช่องคลอด
  • หลีกเลี่ยงการใช้ผ้าอนามัย หรือแผ่นอนามัยโดยไม่จำเป็น เพื่อลดการอับชื้น
  • หลีกเลี่ยงการใส่กางเกงรัดรูป ควรใส่กระโปรงหรือกางเกงที่ระบายอากาศได้ดี
  • ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • ควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์

          เมื่อมีภาวะช่องคลอดอักเสบ หากละเลยการดูแลทำความสะอาดที่เหมาะสม อาจมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้ ไม่เพียงแต่อาการผิดปกติที่สร้างความรำคาญใจให้กับเราแล้ว แต่ภาวะนี้อาจบ่งบอกความเสี่ยงของโรคทางเพศสัมพันธ์ อาทิ โรคเอดส์ หรือโรคซิฟิลิส หนองใน ดังนั้นหากมีอาการตกขาวผิดปกติ แสบร้อนในช่องคลอด คัน มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ ควรรีบพบแพทย์ เพื่อตรวจร่างกายเพิ่มเติมและเข้ารับการรักษาที่เหมาะสมต่อไป


บทความโดย

นพ.ปราโมทย์   เชิดรัตนรักษ์
นพ.ปราโมทย์ เชิดรัตนรักษ์

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา


บทความน่ารู้

ปวดหูบ่อย ปล่อยไว้อันตรายแน่!!

ปวดหูบ่อย ปล่อยไว้อันตรายแน่!!

ปวดหู (Earache/Ear Pain) เป็นอาการปวดบริเวณหูข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้ง 2 ข้างพร้อมกัน อาจปวดในลักษณะตื้อ ๆ เจ็บแปลบ หรือรู้สึกแสบร้อน ซึ่งอาการปวดส่วนใหญ่จะอยู่ไม่นานแล้วค่อย ๆ ดีขึ้นจนหายไป มักพบได้บ่อยในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ และปวดหูเกิดจากอะไรได้บ้าง เรามีคำตอบ

หูอื้อ หูดับเฉียบพลัน

หูอื้อ หูดับเฉียบพลัน

วันนี้เราจะไปทำความรู้จักกับอีกหนึ่งโรคอันตรายที่ถือว่าเป็น… หนึ่งใน “ภัยเงียบ” ที่ทำร้ายการได้ยินของเราจนถึงขั้นอาจทำให้หูหนวกไป คือ “โรคเส้นประสาทหูชั้นในดับเฉียบพลัน” ซึ่งโรคนี้จะเกิดจากสาเหตุใดและต้องรักษาอย่างไร?