หน้าแรก ศูนย์รักษา ปลูกผมถาวร hair transplant 
ปลูกผมถาวร hair transplant 

ปลูกผมถาวร hair transplant 

         ศูนย์ปลูกผมถาวร ปลูกผม Fue ดูแลเส้นผม โรงพยาบาลอินทรารัตน์ปลูกผมถาวรถ่ายรากผมมาตรฐานระดับโรงพยาบาล

เรามีความเชี่ยวชาญในด้านการปลูกผมเฉพาะทาง

การปลูกผม คืออะไร

       การปลูกผม เป็นการปลูกผมที่มีขั้นตอนการย้ายเซลล์รากผมในรูปแบบการเจาะเอารากผมออกมา ซึ่งหลักการย้ายรากผมจะใช้หัวเจาะขนาดประมาณ 0.6-1.0 มิลลิเมตร เพื่อเจาะเอารากผมบริเวณท้ายทอย เป็นตำแหน่งที่เส้นผมมีความแข็งแรงมากที่สุด เจาะขึ้นมาด้วยความละเอียดประณีตสูง ในขั้นตอนนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับการบริการจากผู้ที่มีความชำนาญเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดจนทำให้รากผมเสียหายได้ ดังนั้นการย้ายเซลล์รากผมด้วยวิธีนี้จึงจำเป็นต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง และด้วยเครื่องมือที่มีขนาดเล็กมาก การปลูกผม  จึงทำให้รอยแผลที่บริเวณด้านหลังมีความเลือนลางแทบมองไม่เห็น

สาเหตุของอาการผมร่วง แบ่งเป็น 2 กลุ่ม

  1.  ผมร่วงอาจจะเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น โรคเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์ ภาวะ หลังคลอดบุตร หลังการมีไข้สูง การอดอาหารมากๆ เพื่อลดน ้าหนัก การใช้ ยาบางชนิด เช่น ยารักษาโรคมะเร็ง โรคผิวหนังบางชนิด โรคจิตประเภทที่ ชอบถอนผมตัวเอง มะเร็งรังไข่ที่ผลิตฮอร์โมนเพศชาย แต่สาเหตุดังกล่าว ข้างต้นพบได้น้อยกว่า 5% ของศีรษะล้าน สาเหตุที่พบมากที่สุด ได้แก่ กรรมพันธุ์ ซึ่งพบได้มากกว่า 95% ของสาเหตุทั้งหมด ส่วนประเด็นอื่นๆ ที่มีคนกล่าวถึง เช่น การที่มีรูขุมขนอุดตัน การสระผมบ่อยๆ หรือการใส่หมวกกันน็อคนานๆ จริงแล้วไม่ได้เป็นสาเหตุหลักของผมร่วงศีรษะล้านเลย 
  2.  ศีรษะล้านในผู้ชายจะเกิดจากกรรมพันธุ์และฮอร์โมนเพศชาย Testosterone ซึ่งถูกเปลี่ยนไปเป็น Dihydrotestosterone (DHT) เนื่องจากยีนศีรษะล้านเป็นยีนเด่นจึงอาจจะมาทางคุณพ่อ หรือคุณแม่ก็ได้ อาการผมร่วงจะเริ่มเมื่อพ้นช่วงวัยรุ่นไปแล้วโดยที่ผมด้านหน้า และด้านบนของ ศีรษะจะเริ่มเป็นเส้นเล็กลง และบางลงจนกระทั่งหลุดไปแล้วไม่ขึ้นมาอีก ทั้งนี้เนื่องจากเซลล์สร้างผม(รากผม) เสื่อมสภาพและตายไป แต่รากผมบริเวณท้ายทอย และด้านข้างจะไม่ได้ถูกทำลายโดย DHT จึงจะอยู่กับเรา ไปตลอดชีวิต เราจึงสามารถนำมาใช้ในการปลูกผมได้ผลดี สำหรับผู้หญิง รูปแบบของผมบางศีรษะล้านจะต่างไปโดยจะมีผมบางตรงกลางศีรษะ เท่านั้น ส่วนแนวผมด้านหน้ายังดีอยู่ไม่เว้าเข้าไปเหมือนของผู้ชาย ถึงแม้ส่วนน้อยจะพบว่าบางคนอาจมีศีรษะเถิกได้ ปัญหาผมแบบไหนเหมาะกับการรักษาด้วยการปลูกผม?

 กรรมพันธุ์ในเพศชาย

       ผมร่วงในผู้ชาย มักเริ่มจากมีการถอยร่นของแนวผมทางด้านหน้าลึกเข้าไปเป็นง่าม และเป็นมากขึ้นเรื่อยๆตามอายุ บางคนอาจมี “ศีรษะล้านด้านหลัง” ตรงบริเวณขวัญร่วมด้วย สุดท้ายแล้วถ้าผมยังไม่หยุดร่วง ในบริเวณที่ศีรษะล้านทั้ง 2 ข้างจะลามเข้าหากันจนกลายเป็น ศีรษะล้านบริเวณกว้าง ซึ่งจะเป็นมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับกรรมพันธุ์ของคนๆ นั้น 

ปลูกผมผู้ชาย Male hair transplant  สำหรับผู้ชายที่มีภาวะเว้า M ผมร่น-ผมบาง ด้านหน้าและกลางศีรษะ แก้ปัญหาผมร่วง ผมบางถาวร โดยการย้ายรากผมจากด้านหลังมาปลูกด้านหน้า โดยแพทย์ชำนาญการจะออกแบบทรงผม และกรอบหน้าเฉพาะบุคคล สามารถแจ้งความประสงค์ของคนไข้ได้ตามต้องการ เพื่อให้ได้แนวไรผมที่คนไข้ต้องการมากที่สุด

กรรมพันธุ์ในเพศหญิง

    สำหรับอาการผมร่วงในผู้หญิงนั้นจะมีรูปแบบแตกต่างจากผู้ชาย คือจะมี ผมบาง เฉพาะตรงบริเวณกลางศีรษะเท่านั้น ส่วนแนวผมด้านหน้ายังคงดีอยู่ไม่ถอยร่นเข้าไปเหมือนในผู้ชาย แต่บางคนอาจมี ศีรษะเถิกแบบผู้ชายก็ได้ 

ปลูกผมผู้หญิง Female Hair Transplant จะเน้นไปที่การปลูกผมปรับกรอบหน้า ให้ออกมาเป็นทรงธรรมชาติเข้ากับใบหน้ามากที่สุด แพทย์จะมีการออกแบบกรอบใบหน้าและวาดให้คนไข้ได้เห็นภาพเบื้องต้น และประเมินกราฟผมที่จะนำมาปลูก

การปลูกผมที่โรงพยาบาลอินทรารัตน์มี 2 เทคนิคดังนี้

1. เทคนิค FUE (Follicular Unit Extraction)

    1.1 ผู้ที่มีผมบางหรือหัวล้าน: ที่ต้องการเพิ่มความหนาแน่นของผม

    1.2 ผู้ที่มีหนังศีรษะยืดหยุ่นดี: ซึ่งจะทำให้การเก็บรากผมเป็นไปได้ง่ายขึ้น

    1.3 ผู้ที่ต้องการการฟื้นตัวเร็ว: เนื่องจากเทคนิค FUE ไม่มีแผลเย็บใหญ่ การฟื้นตัวจะเร็วกว่า

    1.4 ผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงรอยแผลเป็นขนาดใหญ่: แผลจากการเก็บรากผมจะมีขนาดเล็กมาก และมักจะหายได้โดยไม่มีรอยแผลเป็นที่เห็นได้ชัด

2. เทคนิค DHI (Direct Hair Implantation)

   2.1 ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติมาก: เนื่องจากการปลูกผมแบบ DHI จะทำให้สามารถควบคุมทิศทางและมุมของการปลูกผมได้ดี

  2.2 ผู้ที่มีหนังศีรษะบาง: ซึ่งอาจจะมีข้อจำกัดในการใช้เทคนิคอื่นๆ

  2.3 ผู้ที่ต้องการการพักฟื้นที่รวดเร็ว: เช่นเดียวกับ FUE, DHI ก็ไม่มีแผลเย็บใหญ่ ทำให้การฟื้นตัวเร็ว

   2.4 ผู้ที่ต้องการเพิ่มความหนาแน่นของผมในบริเวณที่มีผมอยู่แล้ว: เทคนิค DHI สามารถทำได้อย่างละเอียดและแม่นยำ

ข้อควรทราบในการปลูกผม

  1. การทำศัลยกรรมปลูกผม ไม่ใช่การเพิ่มจำนวนเส้นผมให้มากขึ้นแต่เป็นการ ย้ายเซลล์ผมจากด้านหลังมาปลูกด้านหน้าแทน
  2. การปลูกเซลล์รากผม ไม่ใช่การทำ Stem cell
  3. การทำศัลยกรรมปลูกผมไม่ใช่การแก้ที่ต้นเหตุแต่ช่วยปรับภาพลักษณ์ของ เราให้ดีขึ้น ดังนั้นควรกินยาประกอบเพื่อช่วยเร่งให้ผมเติบโตไวขึ้น
  4. การปลูกผมนั้นจะทำแค่ 40 - 50% ของผมธรรมชาติ เพราะโอกาสรอดของ เซลล์เส้นผมจะสูงกว่า และหากทำการปลูกหนาแน่นเกินไป เลือดจะมาเลี้ยงเซลล์เส้นผมไม่เพียงพอ และจะทำให้เซลล์เส้นผมบางส่วนตายได้ ทั้งนี้หากคนไข้ต้องการความหนาแน่นของเส้นผมมากๆ แนะนำให้มาทำซ้ำในบริเวณเดิม (มากกว่าที่จะพยายามทำจำนวนมากในครั้งเดียว)
  5. การปลูกผมช่วง 2 เดือนแรกผมที่ปลูกจะร่วง จนเหมือนก่อนผ่าตัด เป็นปกติ หลังจากนั้นเซลล์ผมจะทำงานตามธรรมชาติ และจะงอกใหม่จนขึ้น ประมาณ 80% ในเดือนที่ 6 - 9 และจะขึ้นเต็มที่ ในระยะเวลาไม่เกิน 12 เดือน 

การเตรียมตัวก่อนการทำศัลยกรรมปลูกผม

  1. แจ้งแพทย์และพยาบาล หากมีโรคประจำตัว ประวัติแพ้ยา ยาที่รับประทานเป็นประจำ รวมทั้งวิตามินอาหารเสริมที่รับประทานอยู่ทุกชนิด
  2. งดยาหรือวิตามินบางชนิดที่ทำให้การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ เช่น แอสไพริน เฮปพาริน ยาละลายลิ่มเลือด วิตามินอี น้ำมันปลา โสม แปะก๊วย ฯลฯ อย่างน้อย 7 วันก่อนผ่าตัด 
  3.  งดบุหรี่และแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 48 ชม. ก่อนผ่าตัด 
  4. พักผ่อนให้เพียงพอในคืนก่อนผ่าตัด ควรนอนอย่างน้อย 6 ชม
  5. รับประทานอาหารเช้าได้ตามปกติ แต่ไม่ควรเป็นมื้อใหญ่ งดชา กาแฟ ในตอนเช้า ให้รับประทานยาประจำ เช่น ยาเบาหวาน ยาความดันได้ตามปกติ
  6. อาบน้ำล้างหน้าสระผม ทำความสะอาดร่างกาย ด้วยแชมพูหรือสบู่ฆ่าเชื้อ ตามคำแนะนำของแพทย์ ก่อนเข้านอน และตอนเช้าของวันผ่าตัด
  7. สวมเสื้อผ้าที่สบายใส่และถอดง่าย เช่น เสื้อที่มีกระดุมติดด้านหน้าจะมีความเหมาะสมในการเปลี่ยนกลับบ้าน ไม่กระทบแผลเมื่อใส่กลับ
  8. ควรมาที่สถานพยาบาลก่อนเวลานัดอย่างน้อย 1-2 ชม. เพื่อใช้ในการเตรียมตัว
  9. ไม่นำเครื่องประดับ หรือสิ่งมีค่าที่อาจสูญหายได้มาที่สถานพยาบาล 
  10. เตรียมหมวกทรงหลวม หรือผ้าโพกศีรษะ ติดมาด้วย เพื่อสวมใส่ปกปิดแผล หลังผ่าตัดตามต้องการ

ขั้นตอนการปลูกผม

      การปลูกผมช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้กับผู้ทำ โดยที่ผมที่งอกขึ้นมาใหม่อยู่ถาวร และยังช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาผมบางหรือศีรษะล้านสามารถกลับมามีความมั่นใจและมีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้นได้กระบวนการนี้มักใช้ในการรักษาปัญหาผมร่วงหรือศีรษะล้านทั้งในผู้ชายและผู้หญิง โดยวิธีการปลูกผมมีหลากหลายวิธี แต่สองวิธีหลักที่ใช้กันมากที่สุดคือ FUE (Follicular Unit Extraction) และ DHI (Direct Hair Implantation) 

ข้อปฏิบัติหลังการทำศัลยกรรมปลูกผม

  1. ภายใน 24 ชม.แรก หลังผ่าตัด ห้ามแกะ หรือเกาหรือถูที่บริเวณ ผมปลูก ห้ามสัมผัสแผล ทำแผล ซับเลือด สระผม หรือให้บริเวณที่ปลูกผม ถูกน้ำ เพราะกราฟท์มีโอกาสหลุดได้ 
  2. หลังผ่าตัด ให้รัดผ้ารัดศีรษะ (Head Band) ไว้จนครบ 24 ชม. จึงสามารถถอดออกได้
  3. หลังผ่าตัดให้สระผมด้วยน้ำอุณหภูมิห้อง (ไม่ต้องใช้น้ำอุ่น หรือน้ำร้อน) โดย ใช้เป็นน้ำฝักบัวชโลมเบาๆ ใช้แชมพูอ่อนถูให้เกิดฟองแล้วประทับเบาๆ ที่ บริเวณผมปลูกโดยไม่ต้องขยี้ ปล่อยให้ฟองละลายคราบสกปรกประมาณ 5 นาที หลังจากนั้น ชโลมน้ำเพื่อล้างฟองออก ส่วนแผลด้านหลังที่ท้ายทอย ให้ล้างด้วยวิธีเดียวกัน แต่สามารถถูเบาๆ ได้ ทำอย่างนี้จนครบหนึ่งสัปดาห์ ควรสระผมทุกวัน อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง
  4. หลังผ่าตัดบริเวณแผลจะมีสะเก็ด และคราบน้ำเหลืองได้ หากสะเก็ด และ คราบน้ำเหลืองแข็งมาก ให้ใช้น้ำมันบริสุทธิ์เช่น น้ำมันมะกอกชโลมก่อน สระผม ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วสะเก็ดจะยุ่ยหลุดง่ายขึ้นเมื่อล้างออก ทำได้ทั้งแผลที่ปลูกและแผลที่ตัดท้ายทอย
  5. หลังผ่าตัดใหม่ๆ อาจมีอาการเจ็บระบมที่ท้ายทอย (ในกรณีที่มีการผ่าตัด) สามารถนอนราบได้ตามปกติ ให้ใช้หมอนรูปตัว U (แบบที่ใช้บนเครื่องบิน) หนุนประคองตรงต้นคอเพื่อป้องกันการกดทับแผลที่ท้ายทอย หรือใช้ ผ้าเช็ดตัวมาม้วนแล้ววางหนุนต้นคอแทนได้ ไม่แนะนำให้นอนตะแคงหรือ นอนคว่ำ เพราะจะทำให้หน้าบวมในวันต่อๆ มา 
  6. ควรหลีกเลี่ยงการให้ศีรษะถูกแสงแดดโดยตรง / ความร้อนเป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์หลังการผ่าตัด
  7. ระวังในการขึ้น หรือลงรถยนต์ในขณะที่ศีรษะของท่านยังชาอยู่ การกระแทก ของศีรษะอาจจะทำให้เส้นผมที่ปลูกอยู่หลุดได้ 
  8. ไม่ควรขบัรถยนต์กลับบ้านเอง หลังการผ่าตัดปลูกผม เนื่องจากฤทธิ์ของยา นอนหลับอาจจะยังไม่หมด (เฉพาะบางเคส) 
  9. ในกรณีที่มีอาการบวมบริเวณศีรษะ หรือหนังตาหลังผ่าตัด อาจใช้น้ำแข็ง ประคบบริเวณหน้าผากได้ แต่ห้ามประคบน้ำแข็งบริเวณศีรษะที่ได้รับการ ปลูกผมเด็ดขาด
  10. ในกรณีที่มีสะเก็ดเลือดบริเวณผ่าตัดปลูกผม ห้ามแกะเด็ดขาด สะเก็ดเลือด เหล่านี้จะหลุดเองโดยธรรมชาติ ภายใน 2 สัปดาห์ 
  11. ห้ามดื่มสุรา หรือสารมึนเมา รวมทั้งสูบบุหรี่ภายใน 1 เดือน หลังผ่าตัด
  12. ผู้ป่วยจะได้รับยาแก้ปวด ยาปฎิชีวนะ สามารถดำเนินกิจกรรมตามปกติได้ ตั้งแต่วันรุ่งขึ้น หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่มีเหงื่อออกมาก เช่น ออกกำลังกายหนัก ซาวน่า สตีม 2 เดือน หลีกเลี่ยงฝุ่นควัน และที่ชุมชนแออัด และห้ามว่ายน้ำ เป็นเวลา 1 เดือน
  13. งด อาหารหมักดอง อาหารทะเล ปลาดิบ 1 เดือน
  14. สำหรับผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม เริ่มใช้ได้ตั้งแต่หนึ่งสัปดาห์หลังผ่าตัดแต่ หลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรงที่แผล โดยพยายามให้ใช้เฉพาะปลายผม จนกว่าแผลจะหายแดง (เฉลี่ย 2 สัปดาห์)
  15. หลีกเลี่ยงการย้อมผม หรือโกรกหรือดัดเป็นเวลา 10 เดือน – 1 ปี 
  16. สามารถตัดผมได้ที่ร้านได้ตามปกติตั้งแต่ 2 สัปดาห์เป็นต้นไป 
  17. หลังการผ่าตัดปลูกผม 1 วัน คนไข้จะต้องเข้ามาพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ ติดตามผลการผ่าตัด และล้างแผล
  18. หลังการผ่าตัดปลูกผม 7 วัน คนไข้จะต้องเข้ามาเพื่อทำการหมักน้ำมัน มะกอกเพื่อเอาสะเก็ดแผลออก หลังการปลูกผมครบ 14 วัน คนไข้จะต้อง เข้ามาพบแพทย์ เพื่อตรวจสอบเส้นผม และนัดเข้ามาทุกเดือนเพื่อ F / U ตรวจสอบเส้นผม 

คำถามที่พบบ่อย

Q : หลังทำศัลยกรรมปลูกผมจะมีผมร่วงก่อนจริงหรือไม่

ผมที่ทำการย้ายมาปลูกในตำแหน่งใหม่ จะทยอยหลุดร่วงออกไปก่อน ประมาณ 1- 3 เดือนแรกหลังผ่าตัด แต่ไม่ต้องตกใจ หลุดออกมาเฉพาะเส้นผม ส่วนรากผมในตำแหน่งที่ปลูกใหม่ยังคงอยู่ และเส้นผมยังคงค่อยๆ งอกออกมา และจะงอกออกมามากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วง 4 - 6 เดือน หลังผ่าตัด และจะงอกยาว ออกมาเรื่อยๆ โดยเฉลี่ยการประเมินว่ารากผมในตำแหน่งที่ปลูกใหม่จะงอก ออกมาหรือไม่จะต้องรอดูประมาณ 8 - 12 เดือน (จะขึ้นเต็มที่) จึงจะบอกได้อย่าง มั่นใจว่าการท าศัลยกรรมปลูกผมประสบความสำเร็จดีหรือไม่ และการจะปลูกผม ซ้ำหรือแซมเสริมครั้งที่ 2 จะต้องรออย่างน้อย 12 เดือน หลังปลูกผมครั้งแรก แต่จะมีคนไข้อีกกลุ่มหนึ่งที่ผมร่วงหลังผ่าตัดปลูกผม ไม่ได้เกิดเฉพาะตำแหน่งที่ปลูกผมใหม่เท่านั้น ตำแหน่งแผลผ่าตัดที่ท้ายทอยก็ร่วงบางจนน่ากลัว บางคนเรียกว่า “Normal Post-operative Shock Loss” หรือการร่วงแบบรุนแรง จนน่ากลัวหลังผ่าตัดปลูกผมแต่เป็นภาวะปกติและเป็นชั่วคราว ผมใหม่จะค่อยๆ กลับมาประมาณ 4 เดือนหลังผ่าตัด สาเหตุเชื่อว่ามีหลายปัจจัยส่งเสริมให้เส้นผม ปกติที่อยู่ในระยะเติบโต (Growing phase or anagen stage) เข้าสู่ระยะพักตัว (Resting phase or Telogen stage) มากขึ้น เช่น ความเครียดกังวลว่าการปลูก ผมจะออกมาไม่ดี, กินยาบางชนิดอยู่, ขาดวิตามิน และพร่องโภชนาการ โดยเฉพาะในผู้หญิง, การมีไข้สูงหลังผ่าตัด ฯลฯ อาการผมร่วงทั้งศีรษะ Shock Loss พบไม่บ่อยหลังทำศัลยกรรมปลูกผม และส่วนใหญ่กลับมาเป็นปกติได้เอง 

Q : ปลูกผมแล้วจะมีอาการแทรกซ้อนบ้างไหม

การปลูกผม จัดเป็นการผ่าตัดเล็กชนิดหนึ่ง และใช้เพียงยาชาเฉพาะที่ เท่านั้น จึงถือว่าเป็นการผ่าตัดที่ค่อนข้างปลอดภัยเช่นเดียวกับศัลยกรรมเสริมความงามชนิดอื่นๆ เช่น การทำตาสองชั้น การเสริมจมูก ฯลฯ นอกจากนี้บริเวณ หนังศีรษะ จัดเป็นเนื้อเยื่อของร่างกายที่เลือดมาเลี้ยงดีมาก การติดเชื้อจึงไม่ค่อย เกิดขึ้น การหายของแผลก็ดีกว่าส่วนอื่นๆ ของร่างกาย ภาวะแทรกซ้อนที่พบได้ เช่น อาจเกิดการบวมบริเวณหน้าผากหลังการ ปลูกผม หรืออาจเกิดตุ่มหนองเล็กๆ คล้ายหัวสิวได้บ้างบริเวณรูขุมขนที่ปลูก ซึ่งอาจให้ยาปฎิชีวนะเพื่อการรักษา หรืออาจมีอาการชาบริเวณหนังศีรษะหลังการปลูก ซึ่งอาการดังกล่าวก็มักจะหายไปได้ เองเช่นเดียวกัน

Q: หลังปลูกผมถาวรเสร็จสิ้นจะหลงเหลือรอยแผลเป็นไหม?
การเกิดรอยแผลเป็นหลังการปลูกผมถาวรเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ถ้าปลูกผมด้วยวิธี FUE รอยแผลเป็นจะเล็กมากราว 0.6-1.0 มิลลิเมตร หรือแทบมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ส่วนการปลูกผมด้วยวิธีอื่น ๆ อาจมีรอยแผลเป็นที่ขนาดใหญ่กว่า แต่ด้วยเทคโนโลยีในยุคนี้ การอำพรางรอยแผลเป็นทำได้ดีขึ้นมาก ดังนั้น ภายหลังการปลูกผมย้ายเซลล์รากผมจะสามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมั่นใจแน่นอน

Q: การปลูกผมเจ็บไหม?
ไม่ว่าจะปลูกผมเทคนิค FUE หรือ FUT ก็มีความเจ็บปวดเพียงเล็กน้อยในตอนฉีดยาชาก่อนเริ่มกระบวนการเท่านั้น และหลังจากนั้นคนไข้ก็แทบจะไม่รู้สึกเจ็บอีกเลย


แพทย์เฉพาะทาง