- หน้าแรก
- บริการของเรา
- หลังคลอด คุณแม่ควรตรวจอะไรบ้าง
หลังคลอด คุณแม่ควรตรวจอะไรบ้าง
หลังคลอด คุณแม่ควรตรวจอะไรบ้าง
ความสำคัญในการตรวจคุณแม่หลังคลอดบุตร
การตรวจร่างกายหลังคลอดลูกเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมีผลต่อสุขภาพของคุณแม่และลูกน้อยด้วย การตรวจร่างกายหลังคลอดมีหลายประการ เช่น การตรวจความสมบูรณ์ของมดลูก สอบถามเกี่ยวกับอาการที่คุณแม่เป็น เช่น อาการปวด การตรวจชีพจร และอื่นๆ ที่จำเป็นตามคำแนะนำของแพทย์ที่ดูแลคุณในช่วงหลังคลอด การตรวจร่างกายนี้จะช่วยให้คุณแม่หลังคลอดรู้สึกมั่นใจและมีสุขภาพที่ดี
รายการตรวจสุขภาพหลังคลอดลูก มีรายการใดบ้าง
การตรวจสุขภาพหลังคลอดมีรายการตรวจหลายอย่างที่สำคัญ เช่น
- การตรวจความสมบูรณ์ของมดลูก : การตรวจดูว่ามดลูกมีความสมบูรณ์และเติบโตอย่างถูกต้องหรือไม่
- การตรวจสุขภาพทั่วไปของร่างกาย เช่น การตรวจดูแผลคลอด การตรวจดูการหดตัวของมดลูก และการตรวจหาภาวะที่อาจเกิดขึ้นหลังคลอด เช่นลักษณะของน้ำคาวปลา การตรวจสุขภาพของช่องปากและฟัน เพื่อป้องกันการเกิดภาวะทางชีวภาพที่เกิดขึ้นหลังคลอดเช่น การติดเชื้อของมดลูก ช่องปากและฟัน
- การตรวจชีพจร : การตรวจวัดความดันโลหิต ชีพจร และอุณหภูมิร่างกาย เพื่อประเมินสุขภาพทั่วไปของผู้หญิงหลังคลอด
- การสนทนาและการให้คำปรึกษา : การสนทนาเกี่ยวกับการดูแลตนเองและลูกน้อย เช่น การให้นมบุตร การดูแลแผลคลอด การดูแลสุขภาพใจ และการคุมกำเนิดอย่างเหมาะสมหลังคลอดบุตร เป็นต้น
- การตรวจความสมบูรณ์ของทรวงอกและการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการให้นมบุตร
รายการตรวจเหล่านี้มีความสำคัญในการดูแลสุขภาพหลังคลอด มีบทบาทสำคัญในการป้องกันและรักษาภาวะที่เกิดขึ้นหลังคลอด แต่คำแนะนำเหล่านี้อาจแตกต่างไปตามแต่ละบุคคลและสถานการณ์ ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องเพื่อรับคำแนะนำและการดูแลสุขภาพที่เหมาะสมในแต่ละกรณี

อาการหลังคลอดแบบไหน ที่ควรรีบพบแพทย์ทันที
อาการหลังคลอดที่ควรรีบพบแพทย์ทันที ก่อนถึงวันนัดตรวจหลังคลอด คุณแม่ควรหมั่นใส่ใจดูแลร่างกายของตัวเองอยู่เสมอ หากพบว่ามีอาการผิดปกติเหล่านี้เกิดขึ้น คุณแม่ควรรีบไปพบแพทย์ทันที (หรือภายใน 12 ชั่วโมง)
- มีอาการปวดศีรษะมาก หนาวสั่น หรือมีไข้สูงเกินกว่า 38 องศาเซลเซียส
- มีก้อนที่เต้านมหรือเต้านมบวมแดง มีอาการปวดท้องมาก ปวดท้องบิด โดยไม่ได้มีสาเหตุมาจากอาหารการกิน
- มีอาการเจ็บหรือแสบขัดในขณะถ่ายปัสสาวะ ระดูขาวมีกลิ่นเหม็น น้ำคาวปลามีสีแดงตลอดภายใน 15 วันหลังคลอด โดยปกติแล้วหลังคลอด 3-4 วันแรก น้ำคาวปลาจะออกมาเป็นเลือดสด ๆ แต่หลังจากนี้อีก 10-14 วันจะเป็นน้ำปนเลือด มีสีน้ำตาลดำ แล้วจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นน้ำสีขาวออกเหลืองจนหมดไปภายใน 4 สัปดาห์ ถ้าพบว่ามีน้ำคาวปลาออกมาเป็นสีผิดปกติหรือยังเป็นเลือดอยู่ก็อาจมาจาก 2 สาเหตุ คือ ยังมีเศษรกค้างอยู่ หรืออาจเกิดจากการอักเสบติดเชื้อของโพรงมดลูก มีเลือดออกทางช่องคลอด ภายใน 1 ชั่วโมงชุ่มผ้าอนามัย 1 แผ่น และเลือดที่ออกมามีลักษณะเป็นก้อน มีหนองหรือมีเลือดไหลจากแผลฝีเย็บ หรือแผลฝีเย็บบวมแดงมากขึ้นจนมีอาการปวดถ่วงไปถึงทวารหนัก
หากพบอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง ต้องรีบไปพบแพทย์
บทความโดย
นพ.ปราโมทย์ เชิดรัตนรักษ์
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา