• หน้าแรก
  • บริการของเรา
  • เช็คสถานะคลื่นไฟฟ้าหัวใจด้วย (Electrocardiography)

เช็คสถานะคลื่นไฟฟ้าหัวใจด้วย (Electrocardiography)

เช็คสถานะคลื่นไฟฟ้าหัวใจด้วย (Electrocardiography)

การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ EKG คืออะไร ?
เป็นการตรวจจับสัญญาณไฟฟ้าของหัวใจที่ปล่อยออกมาในแต่ละจังหวะของการเต้น หรือจังหวะของการบีบและคลายตัว เพื่อค้นหาความผิดปกติ เพื่อประกอบการวินิจฉัยโรคต่างๆ เช่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ ความเสี่ยงหัวใจล้มเหลว ภาวะความดันโลหิตสูง หรือหาสาเหตุของอาการเจ็บหน้าอกอื่นๆ รวมไปถึงตรวจเพื่อดูสภาพหัวใจของผู้ป่วยที่ได้รับยาที่มีผลต่อหัวใจ โดยการตรวจ EKG มักเป็นการตรวจวิธีแรกๆ ที่จะเลือกใช้ เมื่อผู้ป่วยมีประวัติหรือมีอาการที่น่าสงสัยว่าอาจจะเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับหัวใจ ซึ่งผลตรวจที่ได้จะเป็นเหมือนตัวตั้งต้นในการพิจารณาให้ทำการตรวจด้วยวิธีอื่นๆ ต่อไปตามความเหมาะสม

ใครบ้างที่ควรตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ EKG
✓ ผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป หรือมีคนในครอบครัวป่วยเป็นโรคหัวใจ
✓ ผู้ที่มีอาการอันสงสัยได้ว่า อาจเป็นโรคหัวใจ เช่น ใจสั่น เจ็บหน้าอก เหนื่อยง่าย
✓ ผู้ที่มีไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง น้ำตาลในเลือดสูง หรือเป็นโรคเบาหวาน
✓ ผู้ที่สูบบุหรี่ หรือดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
✓ ผู้ที่ไม่ค่อยออกกำลังกาย

ขั้นตอนการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ EKG
ผู้รับเข้ารับการตรวจจะต้องนอนหงายบนเตียงในห้องตรวจ จากนั้นเจ้าหน้าที่ผู้ทำการตรวจจะป้ายเจลเล็กน้อยที่บริเวณหน้าอก ข้อมือ และข้อเท้าทั้ง 2 ข้าง และทำการติดแผ่นอิเล็กโทรด (Electrode) ที่บริเวณหน้าอก 6 จุด ที่ข้อมือและข้อเท้าทั้ง 2 ข้าง ที่ละจุด เมื่อเจ้าหน้าที่เปิดเครื่องตรวจ ให้ผู้เข้ารับการตรวจนอนนิ่งๆ เครื่องตรวจจะทำการประมวลผลโดยแสดงออกมาเป็นกราฟคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ซึ่งกระบวนการทั้งหมดจะเสร็จสิ้นภายในเวลา 5 -10 นาที

การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ EKG
✓ หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายก่อนเข้ารับการตรวจ
✓ ไม่ต้องงดน้ำ งดอาหาร
✓ หากอยู่ในช่วงที่รับประทานยาหรืออาหารเสริม ต้องแจ้งแพทย์ก่อนทำการตรวจ เนื่องจากอาจทำให้ผลตรวจคลาดเคลื่อนได้

การแปรผลและการประเมินผลตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ EKG
แพทย์จะแปรผลตรวจ โดยพิจารณาจากกราฟคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่สามารถบอกได้ว่า อัตราการเต้นของหัวใจเป็นไปอย่างสม่ำเสมอหรือไม่ มีหัวใจเต้นผิดจังหวะหรือเปล่า นอกจากนี้ยังบอกได้ถึงความสัมพันธ์ในการทำงานของหัวใจห้องบนกับห้องล่างว่าปกติดีหรือไม่ อีกทั้งยังนำผลตรวจไปประกอบในการวินิจฉัยโรคและภาวะทางหัวใจอื่นๆ ได้ด้วย เช่น
✓ กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
✓ กล้ามเนื้อหัวใจโตหรือหนา
✓ หัวใจเต้นผิดจังหวะ
✓ หลอดเลือดหัวใจตีบ
✓ เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ

   กรณีที่พบความผิดปกติของหัวใจหรือโรคใดๆ หลังจากตรวจ ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการดูแล ป้องกันการลุกลาม และการรักษาที่ตรงจุด เพื่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดีและการหายจากอาการหรือโรคที่เป็นอยู่


บทความโดย

นพ.อาทิตย์  ฆารสว่าง
นพ.อาทิตย์ ฆารสว่าง

อายุรแพทย์ทั่วไปและแพทย์เฉพาะทางโรคหัวใจและหลอดเลือด