- หน้าแรก
- บริการของเรา
- การผ่าตัดดึงหน้า (Face Lift surgery / Rhytidectomy)
การผ่าตัดดึงหน้า (Face Lift surgery / Rhytidectomy)
การผ่าตัดดึงหน้า คือ การทำศัลยกรรมเพื่อยกกระชับกล้ามเนื้อและไขมันใต้ผิวหนังให้กลับไปยังตำแหน่งที่เหมาะสม และตัดผิวหนังส่วนเกินเพื่อให้ใบหน้ากระชับและเรียบเนียนขึ้น ซึ่งการศัลยกรรมดึงหน้าจะช่วยคืนความอ่อนเยาว์ ดูเป็นธรรมชาติ โดยจะช่วยลดริ้วรอย ความหย่อนคล้อยของใบหน้า ด้วยเทคนิคการผ่าตัดในปัจจุบันที่ทันสมัย ช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ฟื้นตัวไวและอยู่ได้นาน เพิ่มความมั่นใจให้กับเรา
การผ่าตัดดึงหน้าแบ่งเป็นส่วนๆตามนี้
- ดึงหน้าผาก Forehead Lift
- ดึงขมับ Temporal Lift
- ดึงใบหน้าส่วนกลาง Middle Facelift
- ดึงใบหน้าส่วนล่าง Lower Facelift
- ดึงลำคอ Neck Lift
ผ่าตัดดึงหน้า (Facelift) เหมาะกับใคร?
- ผู้มีปัญหาริ้วรอย ตีนกา, ร่องแก้ม, รอยย่นบนผิวหน้า, หางตาไม่เท่ากัน
- ผู้ที่มีปัญหาหนังตาหย่อนคล้อยมีผิวหนังส่วนเกินบริเวณเปลือกตา
- มีผิวหนังบริเวณ ใบหน้าหย่อนคล้อย
- มีปัญหาแก้มห้อย แก้มไม่เท่ากัน
เหตุผลที่ต้องทำการผ่าตัดดึงหน้า
- การผ่าตัดดึงหน้า เป็นการศัลยกรรมที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง รูปลักษณ์ของใบหน้าได้ดีกว่า การเสริมความงามโปรแกรมอื่น ๆ
- การผ่าตัดดึงหน้า เป็นการผ่าตัดศัลยกรรมที่มีความปลอดภัย เพราะดำเนินการผ่าตัดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์
- การดึงหน้า ช่วยแก้ไขความหย่อนคล้อยของผิว ได้อย่างครอบคลุม เพราะเป็นการดึง ยกกระชับผิวในชั้นลึกด้วย
- การผ่าตัดดึงหน้า สามารถเลือกตำแหน่งการผ่าตัดได้แบบเฉพาะจุด และยังสามารถเลือกทำหลายจุด พร้อมกันได้ในการผ่าตัดดึงหน้าครั้งเดียว ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์
- การผ่าตัดดึงหน้า เป็นการย้อนวัยให้กับใบหน้าได้อย่างชัดเจน ช่วยทำให้ใบหน้าดูเด็กลงได้หลายปี และเห็นการเปลี่ยนแปลงได้มากกว่าการทำโปรแกรมอื่น ๆ
- การผ่าตัดดึงหน้า ช่วยแก้ไขปัญหาความหย่อนคล้อยของผิว และริ้วรอยได้ดีกว่าวิธีการอื่น
- การผ่าตัดดึงหน้า จะช่วยทำให้ผิวหน้าเรียบตึง ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ใบหน้าไม่แข็งทื่อ หรือมีผิวที่เป็นคลื่น ๆ จากการดึง
- การดึงหน้า เป็นการแก้ไขปัญหาความหย่อนคล้อย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังสามารถทำร่วมกับ หัตถการทางความงามอื่น ๆ ได้ เช่น การฉีดฟิลเลอร์ เพื่อเก็บรายละเอียดงานผิว ในจุดเล็ก ๆ อย่างบริเวณใต้ตา ลดความหมองคล้ำทำให้ใต้ตา ดูสดใสมากยิ่งขึ้น การฉีดฟิลเลอร์ ยังเป็นการฟื้นฟูผิวให้กลับมาอิ่มฟู ผิวดูแน่นกระชับ และช่วยเติมเต็มบริเวณที่ขาดหาย เช่น บริเวณขมับตอบ หรือแก้มตอบ ช่วยในการปรับรูปหน้าให้ดูละมุนมากยิ่งขึ้น
เทคนิคการดึงหน้า (Face Lift Technique)
1.การดึงผิวหนังและเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังชั้นตื้น (Subcutaneous Face Lifting)
การผ่าตัดด้วยวิธีนี้ จะลงลึกเพียงชั้นไขมันใต้ผิวหนังเพียงเท่านั้น จึงทำให้ผ่าตัดง่าย และแผลผ่าตัดหายเร็ว แต่ก็มีข้อเสียหลายอย่างตามตารางที่เปรียบเทียบดังนี้นะครับ
ข้อดีของการดึงบริเวณผิวหนังชั้นตื้น
- ได้ผลดีในการดึงบริเวณข้างแก้ม หางตา และลำคอ
- ใช้เวลาในการผ่าตัดไม่นาน
- พักฟื้นเร็ว แผลหายเร็ว
- เหมาะสำหรับการผ่าตัดซ้ำ หรืองานแก้ (Revision Face Lift Surgery)
- ราคาถูกและประหยัดค่าใช้จ่าย
ข้อเสียการดึงบริเวณผิวหนังชั้นตื้น
- เนื่องจากวิธีนี้จะไม่แก้ไขเอ็นยึดใบหน้า (Facial Ligament) ที่อยู่ชั้นลึกลงไป จึงไม่ได้ผลชัดเจนมากนักต่อการดึงร่องแก้ม มุมปาก และหมาจู และไม่ได้ผลในคนที่อ้วนมาก ๆ หรือมีความหย่อนคล้อยค่อนข้างมาก
- ผลการผ่าตัดอยู่ได้ไม่นาน เนื่องจากไม่ได้แก้ไขเอ็นยึดหน้า (Facial Ligament) และดึงเนื้อเยื่อชั้น SMAS โดยตรง
- เนื่องจากเป็นการดึงเฉพาะผิวชั้นตื้น จึงเกิดตามแนวแรงตึงแผลผ่าตัด (Wound Tension) ค่อนข้างมาก ทำให้เกิดแผลเป็นนูน (Hypertrophic Scar) หรือคีลอยด์ (Keloid) ได้ง่ายมาก
- ผลของการผ่าตัดไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ (Surgery Look)
2.การผ่าตัดดึงผิวหน้าในแนวลึก (Deep Plane FaceLift)
- เป็นเทคนิคการผ่าตัดที่แก้ไขปัญหาได้ตรงจุดที่สุด และเห็นผลมากกว่าวิธีแรก เพราะเป็นการดึงที่ผิวหนังชั้น SMAS (Superficial muscular aponeurotic system) ร่วมด้วย
ข้อดีของการดึงในแนวลึก
- มีประสิทธิภาพสูงกว่าและอยู่ได้นานกว่าการดึงในแนวตื้น เนื่องจากมีการแก้ไขเอ็นยึดหน้าหรือตะปู (Facial Ligament) โดยตรง ก่อนที่จะดึงผิวหน้าไปตามแนวที่เราต้องการ
- แรงตึงตัวของแผลเย็บน้อย (Tension Fee) จึงมีโอกาสเกิดแผลเป็น (Hypertrophic Scar) และคีลอยด์ (Keloid) น้อยกว่าการผ่าตัดเทคนิคแรก
- ผลของการผ่าตัดจะดูเป็นธรรมชาติมากกว่า เนื่องจากแพทย์จะดึงเนื้อเยื่อชั้น SMAS ซึ่งเป็นเนื้อเยื่อที่อยู่ลึกกว่าผิวหนังชั้นตื้น
- ได้ผลดีกับปัญหาที่แก้ไขยาก เช่น มุมปาก หรือหมาจูข้างแก้ม ซึ่งไม่สามารถแก้ไขด้วยวิธีการผ่าตัดดึงผิวหนังชั้นตื้น (Subcutaneous Face Lifting), ทำ RF, ทำ HIFU หรือร้อยไหม (Thread Lifting)
ข้อเสียของการดึงในแนวลึก
- การผ่าตัดใช้เวลานานขึ้น ใช้เทคนิคที่ซับซ้อนขึ้น ดังนั้นแพทย์จะต้องมีความชำนาญและความละเอียดมากขึ้น เนื่องจากใต้ผิวหนังชั้น SMAS มีอวัยวะที่สำคัญของใบหน้าหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น กล้ามเนื้อชั้นลึก (Deep Facial Muscle), เส้นเลือด (Vessel) หรือเส้นประสาท (Facial Nerve) เป็นต้น
- ราคาค่อนข้างสูง เนื่องจากใช้เวลาในการผ่าตัดนาน จึงทำให้การใช้ยาระงับปวด และเวชภัณฑ์อื่น ๆ มากขึ้นตามไปด้วย
เตรียมตัวก่อนการทำศัลยกรรมดึงหน้า
- หากมีโรคประจำตัว หรือมียาที่ต้องใช้ประจำ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการทำศัลยกรรม
- งดรับประทานกลุ่มยาต้านเกร็ดเลือดเเละยาละลายลิ่มเลือด (Aspirin, Warfarin) ก่อนการผ่าตัดประมาณ 1-2 สัปดาห์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับโรคประจำตัวของคนไข้เเต่ละราย
- ในผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน จะต้องคุมอาการของโรคเหล่านี้ให้อยู่ในเกณฑ์ที่ปกติ ก่อนการผ่าตัด
- หากมีประวัติการแพ้ยาที่รับประทาน หรือยาชา ยาสลบ ควรเเจ้งให้แพทย์ทราบ
- งดสูบบุหรี่ก่อนและหลังผ่าตัด เพราะจะทำให้แผลหายช้า
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนและหลังผ่าตัดอย่างน้อย 1 สัปดาห์
- อาบน้ำสระผม ทำความสะอาดร่างกายให้สะอาดเรียบร้อยก่อนการผ่าตัด
- สำหรับผู้ที่ต้องใช้ยาสลบควรงดน้ำและอาหารอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง
- เตรียมใส่เสื้อผ้าที่หลวมสบาย ถอดใส่ง่าย ในวันที่จะผ่าตัด
การดูแลตัวเองหลังทำศัลยกรรมดึงหน้า
- นอนศีรษะสูง เพื่อช่วยลดอาการบวมเป็นเวลา 1 สัปดาห์
- ประคบเย็นบริเวณใบหน้า
- หลีกเลี่ยงการสัมผัส หรือกระแทกบริเวณใบหน้า และลำคอ 1 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงให้แผลโดนน้ำ 1 สัปดาห์
- ทำความสะอาดแผล โดยใช้ไม้พันสำลีชุบน้ำเกลือซับเบา ๆ
- งดกิจกรรม การออกกำลังกายทุกชนิด ที่จะทำให้กระทบกระเทือนแผล ประมาณ 2 สัปดาห์
- งดสูบบุหรี่ เเละเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 2 สัปดาห์
- ตัดไหมหลังผ่าตัด 2 สัปดาห์
- หากพบอาการผิดปกติ ควรเข้ามาพบแพทย์ทันที