เตรียมความพร้อม...ก้าวเข้าสู่วัยทอง

เตรียมความพร้อม...ก้าวเข้าสู่วัยทอง

18/10/2567 15:53:59 | Views: 189

วัยทอง…จะมาถึงเมื่ออายุเท่าไหร่?

ถ้าพูดถึงวัยทองหรือวัยที่กำลังจะหมดประจำเดือน (Menopausal transition or perimenopause) แต่ละคนนั้นอาจเกิดขึ้นไม่พร้อมกัน โดยสามารถเริ่มต้นที่อายุประมาณ 40 ปีขึ้นไป  แต่ความเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนจะเกิดขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป ตั้งแต่ช่วงกลางอายุ 30 ปี และจะแปรปรวนแบบสังเกตได้ชัดเจน เมื่อคุณอายุประมาณ 40 ปี

 

ภาวะวัยทอง คืออะไร

ภาวะวัยทอง คือ ภาวะที่ร่างกายผลิตฮอร์โมนเพศได้น้อยลง ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลง เสื่อมสภาพลง และมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ ได้ง่าย เช่น โรคกระดูกพรุน โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น  สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชายที่มีอายุอยู่ในช่วงตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป แต่ผู้หญิงจะแสดงอาการชัดเจนกว่า โดยเฉลี่ยภาวะวัยทองมักเกิดก่อนวัยหมดประจำเดือนประมาณ 4 ปี

สตรีวัยหมดประจำเดือน (Menopause)  คือ ผู้หญิงอายุตั้งแต่ 40 ปีที่สิ้นสุดการมีประจำเดือนอย่างถาวรอย่างน้อย 12 เดือนขึ้นไป เนื่องมาจากการที่รังไข่หยุดการสร้างฮอร์โมนเพศเอสโตรเจน (Estrogen) และโปรเจสเตอโรน (Progesterone) และไม่มีโรคต่อมไร้ท่ออย่างอื่นผิดปกติ เช่น ไทรอยด์ หรือฮอร์โมนโปรแลคติน ผิดปกติ เป็นต้น  ส่วนใหญ่มักพบที่อายุ 51 ปี บางคนอาจเกิดอาการวัยทองต่างๆ เช่น  ร้อนวูบวาบ  เหงื่อออก อารมณ์แปรปรวน รบกวนการนอนหลับ พลังงานลดลงทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย รวมถึงร่างกายเริ่มมีการเสื่อมถอยลง น้ำหนักอาจเพิ่มขึ้นจากการที่ร่างกายมีการเผาผลาญน้อยลง อีกทั้งยังมีความเสี่ยงโรคกระดูกพรุน โรคหัวใจและหลอดเลือด และโรคเรื้อรังอื่นๆ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดสมอง และโรคสมองเสื่อมอีกด้วย

อาการวัยทอง แสดงในระยะสั้น

  • ประจำเดือนมาไม่ปกติ หากมีอาการเลือดออกจากช่องคลอดหลังวัยหมดประจำเดือน ควรรีบไปพบแพทย์
  • ช่องคลอดแห้ง
  • ร้อนวูบวาบ
  • เหงื่อออกตอนกลางคืน
  • นอนไม่หลับ หรือมีปัญหาในการนอน
  • อารมณ์แปรปรวน
  • น้ำหนักเพิ่มขึ้น เนื่องจากการเผาผลาญน้อยลง
  • ผิวแห้ง ผมร่วง

อาการวัยทอง และความเสี่ยงในระยะยาว

  • โรคกระดูกพรุน การที่ร่างกายขาดฮอร์โมนเอสโตรเจนนั้นทำให้กระดูกเปราะบาง เนื่องจากมีการสูญเสียความหนาแน่นของกระดูก ส่งผลให้มีความเสี่ยงที่กระดูกจะหักได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะกระดูกสันหลัง สะโพก และข้อมือ
  • โรคหัวใจและหลอดเลือด เมื่อระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง ความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดจะเพิ่มขึ้น  เนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจนนั้นช่วยลดไขมันไม่ดีในเลือดได้ (LDL) ดังนั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องดูแลตนเองโดยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ  รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารรสเค็ม ลดอาหารมัน งดของทอด เบเกอรี่ และรักษาน้ำหนักตัวให้เป็นปกติ รวมถึงขอคำแนะนำจากแพทย์เกี่ยวกับวิธีป้องกันโรคหัวใจ
  • การเปลี่ยนแปลงของระบบประสาทส่วนกลาง  การตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นลดลง การเคลื่อนไหวช้าลง ความทรงจำอาจเสื่อมถอยลง
  • ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ เนื่องจากเนื้อเยื่อของช่องคลอดและท่อปัสสาวะสูญเสียความยืดหยุ่น บางครั้งมีอาการปัสสาวะบ่อย รวมถึงการเพิ่มโอกาสติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะมากขึ้น
  • ช่องคลอดแห้ง เกิดการอักเสบของช่องคลอด มีอาการแสบและเจ็บในช่องคลอด
  • น้ำหนักเพิ่มขึ้น เนื่องจากระบบเผาผลาญทำงานน้อยลง

 

เคล็ดลับดูแลตัวเองของผู้ที่เข้าสู่วัยทอง มีดังนี้

  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย  ได้แก่  เนื้อปลา ผัก ผลไม้ และธัญพืช
  • ดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร
  • เลิกสูบบุหรี่และหลีกเลี่ยงควันบุหรี่มือสอง
  • จำกัดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • ฝึกการผ่อนคลายอารมณ์ ลดความเครียด และฝึกหายใจเข้าออกลึกๆ บ่อยๆ
  • ในกรณีไม่สามารถผ่อนคลายความเครียดด้วยตนเองได้ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ เรื่องความวิตกกังวล อารมณ์แปรปรวน และ ปัญหาเพศสัมพันธ์ (ถ้ามี)
  • สร้างนิสัยการนอนที่ดี และ พักผ่อนให้เพียงพอ
  • บริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน และกระชับช่องคลอด (Kegel Exercises)
  • เข้าชมรม อาสาสมัคร หรือหางานอดิเรกใหม่ๆ ทำ
  • ตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน และคัดกรองเบื้องต้น ในระหว่างและหลังวัยหมดประจำเดือน เช่น ตรวจเลือด ตรวจความหนาแน่นของกระดูก ตรวจมะเร็งปากมดลูก ตรวจมะเร็งเต้านม เป็นต้น

บทความน่ารู้

MIS-C ภาวะอักเสบทั่วร่างกายในเด็ก..อันตรายที่ต้องเฝ้าระวัง

MIS-C ภาวะอักเสบทั่วร่างกายในเด็ก..อันตรายที่ต้องเฝ้าระวัง

ผู้ป่วยอาจไม่มีอาการของโรคโควิด-19 หรือมีอาการเพียงเล็กน้อย อายุเฉลี่ยของเด็กที่พบอาการของโรคโควิด-19 หรือมีอาการเพียงเล็กน้อย