โรคหัวใจ (Heart disease)

โรคหัวใจ (Heart disease)

27/05/2567 09:30:34 | Views: 2,248

โรคหัวใจ เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของคนไทย เนื่องจากปัจจุบัน คนไทยส่วนใหญ่มีพฤติกรรมเสี่ยงกันมากขึ้น ทั้งการรับประทานอาหาร การไม่ดูแลสุขภาพร่างกาย แต่ในบางคนอาจจะยังไม่รู้ว่าตนเองเป็นโรคหัวใจ เพราะอาการบางอย่างอาจจะคล้ายคลึงกับหลายๆโรค ดังนั้นเราจึงควรมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับอาการ รวมถึงการป้องกัน เพื่อสำรวจตัวเองว่ามีความเสี่ยงของการเป็นโรคหัวใจหรือไม่ โรคหัวใจสามารถแบ่งย่อยได้เป็นหลายกลุ่มโรค เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคกล้ามเนื้อหัวใจ โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคลิ้นหัวใจ โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด และโรคติดเชื้อบริเวณหัวใจ เป็นต้น

หากคุณมีความเสี่ยงต่ออาการของโรคหัวใจ เช่น มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคหัวใจหรือเบาหวาน ควรตรวจสุขภาพเป็นประจำเพื่อตรวจสอบความเสี่ยง และดูแลสุขภาพในระยะยาว เเละหากมีอาการควรพบแพทย์ทันที

ใครบ้าง? ที่มีความเสี่ยงเป็น โรคหัวใจ
    โรคหัวใจเป็นอาการที่ส่งผลต่อหัวใจและระบบหลอดเลือด มีหลายปัจจัยที่ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ ดังนี้

ปัจจัยด้านพันธุกรรม : ความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจอาจมีการถ่ายทอดผ่านพันธุกรรม หากมีคนในครอบครัวที่เคยเป็นโรคหัวใจ ก็อาจมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคหัวใจได้เช่นกัน

สภาพแวดล้อมและพฤติกรรม : การรับประทานอาหารที่มีปริมาณไขมันสูง น้ำตาลมาก และเกลือสูง สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์มาก ไม่ออกกำลังกาย และมีน้ำหนักเกินตัว เป็นต้น เป็นปัจจัยที่เสี่ยงที่จะทำให้คนมีโอกาสเป็นโรคหัวใจ

โรคร่วมอื่น ๆ : คนที่มีโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือโรคไขมันในเลือดสูง มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในการเป็นโรคหัวใจ

อายุ : ความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเมื่อคุณมีอายุมากขึ้น ผู้สูงอายุมักมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจสูงขึ้น
เพศ : ผู้ชายมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจสูง กว่าผู้หญิง แต่ผู้หญิงหลายคนก็สามารถเป็นโรคหัวใจได้

ความเครียดและภาวะสุขภาพจิต : ภาวะเครียดที่เกิดจากการที่ความเครียดทางจิตใจ อาจมีผลต่อสุขภาพหัวใจ

สภาพของร่างกาย : การที่มีน้ำหนักตัวเกิน  ความอ้วน อาจทำให้เสี่ยงเพิ่มขึ้นกว่าคนที่มีร่างกายสมส่วน

อาการเริ่มต้น ของการเกิดโรคหัวใจ
อาการเริ่มต้นของการเกิดโรคหัวใจมักเกิดจากปัจจัยหลายอย่าง ที่มีผลต่อการทำงานของหัวใจและระบบหลอดเลือดในร่างกาย
บางครั้งอาการเริ่มต้นจะไม่แสดงออกมาเป็นที่เเน่ชัด แต่บางครั้งก็อาจมีอาการที่มีความรุนแรงมากขึ้น ดังนี้
1. อาการเจ็บแน่นหน้าอก :อาจมีความรู้สึกเจ็บหน้าอกหรืออักเสบในบริเวณทรวงอก อาจมีลักษณะความรุนแรงที่แตกต่างกันไป
เช่น เจ็บปวดหนักมาก หรือความรู้สึกเสียวแสบขณะแรงกดที่ทรวงอก
2. หายใจเหนื่อยหอบ : อาจมีอาการหายใจเหนื่อยหอบหรือหายใจไม่อิ่ม เกิดขึ้นได้ง่ายขึ้นอยู่กับกิจกรรม
ที่ต้องใช้ความพยายาม
3. อาการเหงื่อออกมาก : อาจมีการเหงื่อออกมากขึ้นโดยไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน
4. รู้สึกหนาว หรือหนาวบ่อย : ผู้ที่เริ่มมีปัญหาเรื่องหัวใจอาจมีอาการรู้สึกหนาว หรือความรู้สึกเหมือนหนาวบ่อยครั้ง
5. อาการเมื่อยล้า : ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจอาจมีความเมื่อยล้ามากขึ้นโดยไม่มีเหตุผลที่ชัดเจนหลังจากกิจกรรมที่มักทำได้ดีก่อนหน้า
6. อาการหงุดหงิด หรือความเครียด : อาจมีการเปลี่ยนแปลงในอารมณ์เช่น
อาการหงุดหงิด หรือความเครียดโดยไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน ควรพบแพทย์หัวใจ เมื่อใด ?
•  อาการเจ็บแน่นหน้าอก : หากมีอาการเจ็บแน่นหน้าอก บวมหรือรู้สึกหนักบริเวณทรวงอก ควรพบแพทย์ทันที เนื่องจากอาจเป็นเครื่องชี้วัดของปัญหาหัวใจร้ายแรง เช่น หัวใจขาดเลือดหรือเส้นเลือดหลอดเลือดหัวใจอุดตัน.
•  หายใจเหนื่อย : หากมีอาการหายใจเหนื่อย หอบเหนื่อย หรือรู้สึกหายใจไม่ออกเป็นปกติ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจสอบว่ามีปัญหาทางหัวใจหรือไม่
•  เจ็บแน่นหน้าแข้งหรือแขน : อาการเจ็บแน่นหรือปวดบริเวณแข้งหรือแขนซ้ายอาจเป็นได้แบบมีหรือไม่มีความสัมพันธ์กับการใช้กำลัง แต่อาจเป็นเครื่องชี้วัดการตีบของหัวใจ.
•  อาการหน้ามืด หรืออาเจียน : การมีอาการหน้ามืด หรืออาเจียนอย่างเฉียบพลันอาจเป็นอาการของการระคายเคืองหัวใจได้
•  อาการเหนื่อยง่ายและอ่อนเพลีย : หากคุณมีอาการเหนื่อยง่ายและอ่อนเพลียแม้ในกิจวัตรประจำวัน ควรพบแพทย์เพื่อตรวจสอบสุขภาพหัวใจและระบบหลอดเลือด

การดูแลตนเอง ให้ลดความเสี่ยง โรคหัวใจ
ออกกำลังกายเป็นประจำ : การออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างระบบหัวใจและหลอดเลือดเป็นสิ่งที่สำคัญ ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวันหรือ 150 นาทีต่อสัปดาห์ เช่น เดินเร็ว วิ่ง ว่ายน้ำ หรือเล่นกีฬาต่าง ๆ เป็นต้น

รักษาน้ำหนักตัวที่เหมาะสม : การรักษาน้ำหนักตัวที่เหมาะสมช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ หากคุณมีน้ำหนักเกินมาก การลดน้ำหนักอาจช่วยลดความดันเลือดและระดับไขมันในเลือด

รับประทานอาหารที่เหมาะสม : ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อหัวใจ เช่น ผัก ผลไม้ และอาหารที่มีไขมันไม่อิ่มตัว เช่น ไข่ไก่ ปลา ถั่ว และเมล็ดพืช

ลดการบริโภคอาหารที่มีโซเดียมสูง: การลดการบริโภคเกลือจะช่วยลดความดันโลหิต ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรคหัวใจ
หลีกเลี่ยงสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ : สูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ
การจัดการกับความเครียด : การมีความเครียดอยู่เป็นเวลานานสามารถส่งผลกระทบต่อระบบหัวใจ การปฏิบัติตัวในสถานการณ์ที่ก่อให้เกิดความเครียด หรือการเรียนรู้เทคนิคการผ่อนคลายอาจช่วยลดความเครียด
ตรวจสุขภาพประจำ :  การตรวจสุขภาพประจำจะช่วยตรวจพบปัญหาหรือความผิดปกติทางสุขภาพก่อนที่จะเกิดอันตรายต่อหัวใจ
รับประทานยาตามคำสั่งของแพทย์ : หากคุณมีปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับหัวใจ คำแนะนำจากแพทย์และการรับประทานยาตามคำสั่งเป็นสิ่งสำคัญ
นอนพักผ่อนเพียงพอ : การนอนพักผ่อนเพียงพอช่วยลดความเครียด ปรับสมดุลของฮอร์โมน และรักษาระบบหัวใจและหลอดเลือดในสภาพที่ดี


บทความโดย

นพ.อาทิตย์  ฆารสว่าง
นพ.อาทิตย์ ฆารสว่าง

อายุรแพทย์ทั่วไปและแพทย์เฉพาะทางโรคหัวใจและหลอดเลือด


บทความน่ารู้

นิ่วถุงน้ำดี ใครบ้างที่เสี่ยง!!

นิ่วถุงน้ำดี ใครบ้างที่เสี่ยง!!

นิ่วคือหินปูนขนาดเล็ก ลักษณะเหมือนก้อนกรวดเกิดจากการตกตะกอนของสารเคมีในน้ำดีที่ผิดปกติ สามารถเกิดขึ้นได้เป็นก้อนเดียว