โรคตากุ้งยิง (Hordeolum/Stye)

โรคตากุ้งยิง (Hordeolum/Stye)

04/06/2568 13:32:27 | Views: 292

โรคตากุ้งยิง (Hordeolum/Stye)

 

ตากุ้งยิง (Hordeolum/Stye) เกิดอาการอักเสบของต่อมไขมันบริเวณเปลือกตา จนมีลักษณะบวมแดงและเป็นตุ่มหนองขึ้นบริเวณเปลือกตาด้านนอก (External Hordeolum) หรือ เปลือกตาด้านใน (Internal Hordeolum) โดยสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งบริเวณเปลือกตาบนและเปลือกตาล่าง

 

ตากุ้งยิงเกิดจากอะไร

ตากุ้งยิงเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดอาการอักเสบของต่อมไขมันบริเวณเปลือกตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผู้ป่วยมีประวัติต่อมไขมันที่เปลือกตาอุดตัน มีประวัติเปลือกตาอักเสบ จะยิ่งทำให้การอักเสบจากการติดเชื้อเกิดได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยเชื้อแบคทีเรียซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคตากุ้งยิงคือ สแตปฟิโลคอคคัส ออเรียส (Staphylococcus Aureus)

สาเหตุและปัจจัยที่ทำให้เกิดตากุ้งยิง

  1. ภาวะต่อมไขมันหรือต่อมเหงื่ออุดตันบริเวณเปลือกตา
  2. โรคเปลือกตาอักเสบ
  3. เคยมีประวัติเป็นตากุ้งยิงมาก่อน
  4. ภูมิคุ้มกันในร่างกายลดลง อันเนื่องมาจากการพักผ่อนไม่เพียงพอหรือมีโรคประจำตัว
  5. ขยี้ตาหรือสัมผัสดวงตาด้วยมือที่ไม่สะอาด หรือมีเชื้อแบคทีเรียสะสมอยู่
  6. สวมคอนแทคเลนส์ที่ไม่สะอาด หรือไม่ได้ทำความสะอาดให้ดีก่อนนำมาใส่
  7. ล้างทำความสะอาดเครื่องสำอางออกไม่หมด

 

อาการของตากุ้งยิง

  1. เจ็บๆ คันๆ บริเวณเปลือกตา
  2. ปวด บวม แดง บริเวณเปลือกตา
  3. เป็นฝีหรือหัวหนอง 4 – 5 วัน

 

 

ตากุ้งยิงแบ่งออกเป็น 2 ชนิด

1. ตากุ้งยิงชนิดหัวผุด (ภายนอก) มีหัวฝีผุดชัดเจนบริเวณขอบเปลือกตาด้านนอก มักจะมีขนาดใหญ่ และหัวฝีจะชี้ออกด้านนอก

2. ตากุ้งยิงชนิดหัวหลบใน (ภายใน) มีตุ่มบวม หัวฝีเกิดขึ้นด้านในเปลือกตา หัวฝีจะชี้เข้าด้านใน

 

ตากุ้งยิง หายเองได้หรือไม่

ตากุ้งยิงสามารถหายได้เอง โดยปกติหลังจากที่ตากุ้งยิงบวมขึ้นเป็นหัวฝีหรือหนองภายใน 4-5 วันแล้ว ทั้งนี้แนะนำให้ผู้ป่วยใช้วิธีประคบอุ่น โดยใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำอุ่นประคบบริเวณตากุ้งยิงประมาณ 10-15 นาทีต่อครั้ง ประคบ 4-5 ครั้งระหว่างวัน ร่วมกับนวดเปลือกตาเบา ๆ เพื่อช่วยระบายหนองและไขมันที่อุดตัน ทั้งนี้หากหนองบริเวณที่เป็นตากุ้งยิงระบายออกไม่หมดหรือบริเวณแผลไม่สะอาด อาจมีการกลับมาติดเชื้อซ้ำได้อีก ผู้ป่วยจึงควรใส่ใจในเรื่องของความสะอาดเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตามหากผู้ป่วยมีแนวโน้มอาการไม่ดีขึ้นภายใน 48 ชั่วโมง หรือเปลือกตาที่บวมแดงขยายออกบริเวณกว้างขึ้น ควรรีบพบแพทย์โดยเร็ว

 

ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากอาการตากุ้งยิง หากระบายหนองออกไม่หมด

หากหนองไม่ยุบหรือสลายตัวลง หนองอาจจับตัวเป็นก้อนแข็งหรือเป็นไตคั่งค้างอยู่บริเวณเปลือกตาสะสมต่อเนื่องและอาจมีโอกาสกลับมาอักเสบหรือเป็นซ้ำได้อีก หรือการอักเสบติดเชื้ออาจรุนแรงลามนอกเหนือเปลือกตาไปบริเวณแก้ม ดังนั้นจึงแนะนำให้ผู้ป่วยควรมาพบจักษุแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างถูกวิธี

 

การรักษาตากุ้งยิงโดยจักษุแพทย์

1. ยาหยอดหรือยาป้ายปฏิชีวนะ เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุ

2.เจาะกุ้งยิง ในบางรายที่มีอาการติดเชื้อมากหรือมีหนองสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก แพทย์จะเจาะตุ่มฝีหรือหนองและขูดบริเวณหนองออก (Incision and curettage) เพื่อเป็นการระบายหนองที่สะสมภายในเปลือกตาและทำการรักษาให้หายขาด

 

การปฎิบัติตัวก่อนทำการเจาะตากุ้งยิง

  1. งดใช้ยาต้านการแข็งตัวของเกล็ดเลือด เช่นกลุ่มยา warfarin หรือ aspirin ก่อนทำการเจาะเอาหนองออก โดยควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของอายุรแพทย์
  2. ในวันที่ทำการเจาะตากุ้งยิง ควรล้างหน้า สระผมให้สะอาด งดการใส่ครีมหรือน้ำมันบริเวณศรีษะ งดการใช้เครื่องสำอางในการแต่งหน้า
  3. หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝุ่น ควันและมลภาวะ

 

การปฎิบัติตัวหลังทำการเจาะตากุ้งยิง

  1. แพทย์จะทำการปิดตาเอาไว้เพื่อเป็นการรักษาความสะอาดและป้องกันฝุ่นละอองเข้าตา ผู้ป่วยสามารถเปิดผ้าปิดตาออกเองได้เองหลังจากที่แพทย์ทำการเจาะเอาหนองออกแล้วภายใน 12-24 ชั่วโมง หรือตามแพทย์สั่ง
  2. เมื่อเปิดผ้าปิดตาออกแล้ว ให้คนไข้เริ่มใช้ยาตามแพทย์สั่ง โดยหากมีอาการปวด สามารถทานยาแก้ปวดกลุ่ม Paracetamolครั้งละ 1-2 เม็ด ทุก ๆ 4-6 ชั่วโมง หรือตามคำแนะนำของแพทย์
  3. หากมีอาการระคายเคือง ห้ามขยี้ตาเด็ดขาด
  4. ในวันถัดมา ให้เริ่มทำความสะอาดรอบดวงตาด้วยผ้าสะอาดหรือสำลีชุบน้ำอุ่น บิดให้หมาดก่อนค่อย ๆ เช็ดทำความสะอาดรอบดวงตาอย่างระมัดระวัง
  5. งดการใส่คอนแทคเลนส์
  6. ในผู้ป่วยที่ต้องทานยาปฎิชีวนะ ควรรับประทานยาอย่างต่อเนื่องจนหมด หยอดหรือป้ายยาตามแพทย์สั่งอย่างน้อย 7 วัน
  7. หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสโดยตรงบริเวณดวงตาและควรล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนการสัมผัสบริเวณรอบดวงตา
  8. หากมีอาการผิดปกติ เช่น ปวดตามาก เปลือกตาบวมช้ำมาก ตาแดง หรือมีอาการตาพร่ามัวควรรีบพบแพทย์ทันที

 

วิธีป้องกันไม่ให้เกิดตากุ้งยิง

  1. หลีกเลี่ยงการการใช้มือที่ไม่สะอาดขยี้ตา
  2. หมั่นดูแลรักษาความสะอาดบริเวณรอบดวงตา ใบหน้าอย่างสม่ำเสมอ
  3. ล้างเครื่องสำอาง และคอนแทคเลนส์ให้สะอาดก่อนนำมาใส่ทุกครั้ง
  4. ทำความสะอาดเปลือกตาพร้อมประคบอุ่นและนวดเปลือกตากรณีมีภาวะต่อมไขมันอุดตันที่เปลือกตา

บทความน่ารู้

หูอื้อ หูดับเฉียบพลัน

หูอื้อ หูดับเฉียบพลัน

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความสุขและการดำเนินชีวิตของเราทุกคนนั้น จำเป็นต้องอาศัย “การได้ยินเสียง”