ตรวจตาด้วยเครื่อง Optical Coherence Tomography (OCT)

ตรวจตาด้วยเครื่อง Optical Coherence Tomography (OCT)

02/10/2568 09:58:04 | Views: 536

ตรวจตาด้วยเครื่อง Optical Coherence Tomography (OCT) คัดกรองความเสี่ยงโรคทางตา

            โรคตาบางชนิดอาจไม่มีอาการแสดงผิดปกติเลยในระยะแรกของโรค เช่น จอประสาทตาเสื่อม ต้อกระจก ต้อหิน หากไม่ได้รับการรักษาจะค่อยๆ ลุกลามมากขึ้น จนสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรในที่สุด การตรวจสุขภาพตาจึงมีความจำเป็น

 โดยปัจจุบันเทคโนโลยีทางการแพทย์ได้มีการพัฒนาการตรวจสุขภาพตาและวินิจฉัยโรคตาได้อย่างแม่นยำ ด้วยเครื่อง OCT (Optical coherence tomography) ที่ไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวด ไม่ต้องฉีดยาและสามารถดูเส้นเลือดในตาโดยไม่ต้องฉีดสี ตรวจง่าย ละเอียด และ รวดเร็ว

การตรวจสุขภาพตาด้วยเครื่อง OCT

Optical Coherence Tomography (OCT) เป็นเครื่องวิเคราะห์ขั้วประสาทตา ชั้นของจอประสาทตา และจุดรับภาพ โดยใช้แสงเลเซอร์สแกนถ่ายภาพตามขวางเพื่อดูชั้นต่างๆ ของประสาทตาและดูความลึกของขั้วประสาทตา สามารถวิเคราะห์โรคของจอประสาทตาและโรคต้อหิน

 

เครื่อง OCT สามารถตรวจวินิจฉัยโรคตา อะไรได้บ้าง

การตรวจสุขภาพตาด้วยเครื่อง OCT ไม่ทำให้เกิดความเจ็บปวด ไม่ต้องฉีดยาและสามารถดูเส้นเลือดในตาโดยไม่ต้องฉีดสี ไม่ต้องสัมผัสรังสี ผู้เข้ารับการตรวจจะไม่ได้รับอันตรายใดๆ สามารถวิเคราะห์โรคได้อย่างแม่นยำ ตรวจง่ายและรวดเร็ว โดยสามารถตรวจวินิจฉัยโรคตาได้หลายประเภท ดังนี้

  1. โรคจอประสาทตาจากโรคเบาหวาน
  2. โรคจอประสาทตาเสื่อม เนื่องจากอายุ (AMD) โดยมีความเสี่ยงในผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี โรคจุดรับภาพบวมจากภาวะต่างๆ เช่น เบาหวาน เส้นเลือดดำที่จอประสาทตาอุดตัน
  3. โรคจุดรับภาพฉีกขาด
  4. ภาวะพังผืดที่จอประสาทตาและจุดรับภาพ
  5. ภาวะจอประสาทตาหลุดลอก
  6. ภาวะเส้นเลือดผิดปกติที่จอประสาทตา
  7. โรคต้อหิน ซึ่งมีความเสี่ยงในผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี ผู้ที่มีการอักเสบเรื้อรังในม่านตา และ มีประวัติคนในครอบครัวเป็นต้อหิน

ประโยชน์ของการตรวจ OCT

-  ตรวจดูความหนาและโครงสร้างของชั้นจอประสาทตาได้ละเอียด

-  ประเมินว่าจุดกลางรับภาพถูกทำลายหรือบวมจากโรคหรือไม่

-  เห็นการดึงรั้งระหว่างน้ำวุ้นตากับจุดรับภาพ (Vitreomacular traction)

-  ประเมินผลหลังการรักษา เช่น ระดับน้ำที่ลดลงในผู้ป่วยศูนย์กลางจอประสาทตาบวมน้ำ

-  ตรวจหาความผิดปกติได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นก่อนเกิดอาการ

ใครบ้างที่ควรตรวจสุขภาพตา

ทุกคน และทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็ก เด็กวัยเรียน วัยรุ่น วัยทำงาน ควรได้รับการตรวจสุขภาพตา (รวมทั้งตรวจจอประสาทตา) ทุก 2-4 ปี และสำหรับผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี ควรได้รับการตรวจจอประสาทตาจากจักษุแพทย์ ทุก 1 - 2 ปี แม้จะไม่มีอาการผิดปกติในการมองเห็น เพื่อประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อม ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้กลุ่มผู้สูงอายุสูญเสียการมองเห็น รวมไปถึงผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงโรคทางตา ก็ควรรับการตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ เช่น

  1. ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดัน ภูมิคุ้มกันบกพร่อง
  2. ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคต้อหิน กระจกตาเสื่อม จอประสาทตาเสื่อม
  3. การได้ยาบางชนิดที่มีผลกับตา
  4. ผู้ที่ใช้คอนแทคเลนส์เป็นประจำ
  5. ผู้ที่ทำงานที่ใช้สายตามาก

 

ขั้นตอนการตรวจ OCT

-  ผู้เข้ารับการตรวจนั่งหน้าเครื่องตรวจ คล้ายการตรวจตาทั่วไป

-  ไม่ต้องฉีดยาขยายม่านตาในผู้ป่วยส่วนใหญ่ (ยกเว้นบางกรณีแพทย์จะพิจารณา)

-  ใช้เวลาเพียงประมาณ 5 นาทีต่อข้าง

-  ไม่เจ็บและไม่มีรังสีใด ๆ เข้าสู่ร่างกาย

 

 

การเตรียมตัวก่อนตรวจ OCT

- ไม่ต้องเตรียมตัวพิเศษ สามารถตรวจได้เลย

- หากใส่คอนแทคเลนส์ ควรถอดก่อนตรวจเพื่อให้ภาพชัดเจน

- ควรนำผลการตรวจตาครั้งก่อนมาด้วยเพื่อให้แพทย์เปรียบเทียบ

 

การแปรผลและการประเมิน

แพทย์จักษุจะใช้ภาพจาก OCT ร่วมกับการตรวจตาอื่น ๆ เพื่อวินิจฉัยและติดตามโรค เช่น

  1. โรคจอประสาทตาเสื่อมในผู้สูงอายุ
  2. โรคจุดรับภาพฉีกขาด บวม หรือมีเลือดออกจากเบาหวาน/หลอดเลือดผิดปกติ
  3. ภาวะพังผืดที่จอประสาทตา (Epiretinal membrane) หรือจอประสาทตาหลุดลอก
  4. ภาวะอักเสบเรื้อรังของม่านตา
  5. โรคต้อหิน ตรวจดูการสูญเสียเส้นใยประสาทรอบขั้วประสาทตาได้แม่นยำ

“จอประสาทตาและขั้วประสาทตาเป็นจุดสำคัญในการมองเห็น และไม่สามารถทดแทนได้ด้วย “จอตาเทียม” การตรวจ OCT ช่วยให้พบความผิดปกติได้ตั้งแต่ยังไม่แสดงอาการ ลดโอกาสสูญเสียการมองเห็นถาวร และช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น”

 

เรียบเรียงโดย นพ.สุเมธ สุพละเศรษฐ์


บทความน่ารู้

โรคเกาต์ (Gout)

โรคเกาต์ (Gout)

เป็นโรคข้ออักเสบที่เกิดจากภาวะกรดยูริกในเลือดสูง เมื่อระดับกรดยูริกในเลือดสูง กรดยูริกจะตกตะกอนในรูปของผลึกเกลือยูเรตในข้อต่อต่างๆ