โรคกระดูกพรุน

โรคกระดูกพรุน

19/07/2567 16:23:07 | Views: 1,792

ทำความรู้จักโรคกระดูกพรุน” 
               โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis) คือ โรคที่ร่างกายมีความหนาแน่นและมวลของกระดูกลดน้อยลงจนทำให้กระดูกบางลง หักง่ายขึ้น และผิดรูปยุบตัวได้ ถ้าเกิดในส่วนกระดูกสันหลังจะทำให้กระดูกยุบตัวลงละส่งผลให้ส่วนสูงลดลงด้วย

               สิ่งที่น่ากังวลใจ คือผลจากโรคกระดูกพรุน ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงการเกิดกระดูกหัก เนื่องจากกระดูกสามารถรับน้ำหนัก แรงกระแทก หรือแรงกดได้ลดลง บางครั้งกระดูกอาจจะบางจนไม่สามารถรับน้ำหนักตัวเองได้ด้วยซ้ำ โดยกระดูกที่มักพบการหักได้บ่อย คือ สะโพก ข้อมือ และสันหลัง อาจจะเกิดหลังการบาดเจ็บแม้เพียงเล็กน้อย โดยเฉพาะส่วนกระดูกสันหลังที่หากเกิดการแตกหักอาจส่งผลร้ายแรงถึงขั้นสูญเสียการเคลื่อนไหวถาวรได้ หากเกิดการกดทับถึงไขสันหลังที่เป็นศูนย์ควบคุมระบบประสาทความรู้สึกและการเคลื่อนไหว

 

สังเกตอาการ “โรคกระดูกพรุน”
กระดูกพรุนถือเป็นภัยเงียบ เนื่องจากผู้ป่วยจะไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคกระดูกพรุน เนื่องจากโรคนี้มักไม่มีอาการเตือนใดๆ กว่าจะรู้ว่าตัวเองเป็นโรคกระดูกพรุนก็ต่อเมื่อเกิดอุบัติเหตุและนำไปสู่ภาวะกระดูกหักเสียแล้ว  หรืออาจจะพบอาการของกระดูกที่ยุบตัวลง อาทิ

  • มีอาการปวดหลังเรื้อรัง
  • หลังค่อมหรือกระดูกสันหลังส่วนบนโค้งลง
  • ความสูงลดลง
  • กระดูกข้อมือ แขน สะโพก และกระดูกสันหลังแตกหักได้ง่าย แม้ถูกกระแทกแบบไม่รุนแรง

 

สาเหตุสำคัญของโรคกระดูกพรุน
             กระดูกประกอบด้วยเซลล์สร้างกระดูก (Osteoblast) และเซลล์สลายกระดูก (Osteoclast) ซึ่งทำหน้าที่แตกต่างกัน “เซลล์สร้างกระดูก” ทำหน้าที่สร้างกระดูกขึ้นมาใหม่ สะสมแคลเซียม และช่วยสร้างกระดูกซ่อมแซมกระดูกส่วนที่บาดเจ็บสึกหรอ ส่วน “เซลล์สลายกระดูก” ทำหน้าที่สลายเนื้อกระดูก เพื่อปรับเพิ่มปริมาณแคลเซียมในเลือดเมื่อแคลเซียมในเลือดไม่เพียงพอต่อการใช้งานใรระบบอื่นของร่างกาย และสลายกระดูกในส่วนที่ไม่ได้ใช้งานเพื่อปรับรูปร่างของกระดูก

หากเซลล์กระดูกที่ทำงานไม่สมดุลกัน จึงทำให้มีการสลายกระดูกมากกว่าการสร้างกระดูกที่ส่งผลให้เป็น “โรคกระดูกพรุน” นั่นเอง

 

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เพิ่มโอกาสเป็นโรคกระดูกพรุน
นอกจากความผิดปกติของเซลล์กระดูกแล้ว ยังมีอีกหลายปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็น “โรคกระดูกพรุน”

  • อายุ เมื่ออายุเพิ่มขึ้น กระบวนการสร้างและซ่อมแซมของร่างกายจะเริ่มช้าลง การทดแทนกระดูกส่วนที่สึกหรอก็ช้าตามไปด้วย มวลกระดูกจะน้อยลง กระดูกบางลงและแตกหักง่ายขึ้น ยิ่งหากร่างกายขาดแคลเซียมในปริมาณที่จำเป็นต่อการสร้างกระดูกก็จะเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุน
  • เพศ โรคนี้มักเกิดขึ้นในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เพราะเมื่อผู้หญิงเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน  ฮอร์โมนเพศหญิง (Estrogen) ก็ลดลง ซึ่งฮอร์โมนนี้มีส่วนช่วยกระบวนการสร้างและควบคุมการสลายกระดูก ทำให้เนื้อกระดูกลดลงตามไปด้วย ส่วนในเพศชายจะมีความเสี่ยงเกิดโรคกระดูกพรุนเมื่อมีการผลิตฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone) น้อยลง
  • กรรมพันธุ์ หากมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคกระดูกพรุน ก็มีความเสี่ยงเป็นโรคกระดูกพรุนสูงกว่าคนทั่วไป
  • ความผิดปกติในการทำงานของต่อมและอวัยวะต่างๆ เช่น ต่อมไทรอยด์ ต่อมพาราไทรอยด์ ต่อมหมวกไต ไตและตับ
  • โรคและการเจ็บป่วย เช่น โรคภูมิแพ้ตัวเอง โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
  • การบริโภค รับประทานอาหารที่มีแคลเซียม และวิตามิน ดี ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย รวมทั้งการดื่มน้ำอัดลม กาแฟ สูบบุหรี่ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากเป็นประจำ
  • การใช้ยา เช่น ยาสเตียรอยด์ ยากันชักบางชนิด หากจำเป็นต้องใช้ยาเหล่านี้เป็นเวลานานควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ
  • น้ำหนักตัวน้อยเกินไป
  • สภาวะที่ร่างกายขาดการออกกำลังกาย กระดูกไม่ได้รับแรงหรือใช้งาน

 

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจตามมาเมื่อเป็นโรคกระดูกพรุน

  • มีโอกาสสูงที่กระดูกจะแตกหัก แม้จะได้รับการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย
  • ผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บปวด เคลื่อนไหวลำบาก มีข้อจำกัดมากขึ้นในการทำกิจกรรมต่างๆในชีวิตประจำวัน
  • หากกระดูกที่ยุบตัวกดทับเส้นประสาท หรือขาหัก จนผู้ป่วยอาจเดินไม่ได้ ติดเตียง อาจเกิดแผลกดทับ หรือโรคติดเชื้อในระบบต่างๆ ซึ่งเป็นอาการแทรกซ้อนที่รุนแรงจนอาจเป็นเหตุให้เสียชีวิตได้

 

การวินิจฉัย
        “โรคกระดูกพรุน” เกิดได้กับทุกคน หากพบความผิดปกติเร็ว และเข้าสู่กระบวนการรักษาได้ไว ผู้ป่วยก็จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ การวินิจฉัยสามารถทำได้ด้วยการตรวจค่าความหนาแน่นของกระดูก (Bone Mineral Density หรือ BMD) โดยความหนาแน่นของกระดูกของผู้ที่มีภาวะกระดูกบาง (Osteopenia) จะมีค่า BMD อยู่ระหว่าง -1.0 ถึง -2.5 และวินิจฉัยเป็นผู้ป่วยโรคกระดูกพรุนเมื่อมีค่า BMD น้อยกว่า -2.5

วิธีรักษา “โรคกระดูกพรุน”
มีหลายปัจจัยที่ทำให้เกิด “โรคกระดูกพรุน” แต่ปัจจัยสำคัญคือการทำงานของเซลล์กระดูกที่ผิดปกติ ฉะนั้นหลักการรักษาจึงต้องกระตุ้นการทำงานของเซลล์สร้างกระดูกและลดการทำงานของเซลล์สลายกระดูก ซึ่งทำได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยง ดูแลโภชนาการ ออกกำลังกายที่เหมาะสม การใช้ฮอร์โมนทดแทน การรับประทานยา การฉีดยา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในแต่ละราย

กระดูกพรุน ป้องกันได้
สามารถลดความเสี่ยงในการเป็นโรคกระดูกพรุนได้ โดยการดูแลใส่ใจสุขภาพและบำรุงกระดูกด้วยวิธีต่างๆ เช่น

  • รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น นม เต้าหู้ กุ้งฝอย ปลาตัวเล็ก ถั่วต่างๆ และผักใบเขียว รวมทั้งอาหารที่มีวิตามินดีสูง เช่น ตับ ไข่แดง นม ปลา ฟักทอง และเห็ดหอม เป็นต้น
  • งดสูบบุหรี่
  • หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ น้ำอัดลม ชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มที่มีสารคาเฟอีน และมีค่าความเป็นกรดสูง
  • ออกกำลังกายอย่างถูกวิธีและเหมาะสมกับวัยอย่างสม่ำเสมอ
  • การได้รับวิตามินดี ด้วยการสัมผัสแสงแดดอ่อนๆ เพียง ประมาณ 10นาทีต่อวัน
  • ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ไม่ผอมหรืออ้วนเกินไป
  • ระมัดระวังการใช้ยา โดยเฉพาะยากลุ่มสเตียรอยด์ที่ต้องใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน หากมีความจำเป็นต้องใช้ควรปรึกษาแพทย์

บทความโดย

นพ.ปิยะ อัศวบุญญาเดช
นพ.ปิยะ อัศวบุญญาเดช

ศัลยแพทย์กระดูก-ข้อ /ออร์โธปิดิกส์และผู้เชี่ยวชาญทางเนื้องอกกระดูกและเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน


บทความน่ารู้

ทำความรู้จักโรคริดสีดวงทวาร

ทำความรู้จักโรคริดสีดวงทวาร

ริดสีดวงทวาร ภาวะที่หลอดเลือดดำบริเวณทวารหนักเกิดการปูด บวมหรืออักเสบ จนเกิดเป็นก้อนนูนออกมาจากผนังของช่องทวารหนัก และเป็นอุปสรรคในการขับถ่าย สาเหตุที่ทำให้เกิดริดสีดวงทวาร เช่น ภาวะท้องผูก การเบ่งอุจจาระนาน ๆ การรับประทานอาหารที่มีกากใยน้อย ดื่มน้ำน้อย อาหารรสจัด หรือการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

อาการตกขาวเกิดจากอะไร

อาการตกขาวเกิดจากอะไร

ตกขาวที่ปกติสามารถสังเกตได้โดย ตกขาวจะไม่มีกลิ่น และไม่คัน แต่ในบางครั้งตกขาวอาจบ่งบอกถึงความผิดปกติได้เช่นกัน ซึ่งอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้าย ซึ่งคุณผู้หญิงไม่ควรมองข้าม