การสวนหลอดเลือดหัวใจ (CAG ) และการขยายหลอดเลือดหัวใจ (PCI)

การสวนหลอดเลือดหัวใจ (CAG ) และการขยายหลอดเลือดหัวใจ (PCI)

25/10/2567 11:42:23 | Views: 2,876

การสวนหลอดเลือดหัวใจทางหลอดเลือดแดง (Coronary Artery Angiography - CAG) และการขยายหลอดเลือดหัวใจ PCI คืออะไร
การสวนหลอดเลือดหัวใจทางหลอดเลือดแดง (Coronary Artery Angiography - CAG) คือการใส่สายสวนเข้าไปทางหลอดเลือดแดง โดยสามารถทำได้ที่เส้นเลือดแดงที่แขนและขาหนีบ และฉีดสารทึบรังสี เข้าไปดูหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงหัวใจว่ามีการตีบหรือตันของเส้นเลือดหัวใจหรือไม่ มากน้อยเพียงใด 

รวมทั้งการฉีดสารทึบรังสีในห้องหัวใจเพื่อตรวจสอบความสามารถในการบีบตัวของหัวใจ ความดันของห้องหัวใจ และการรั่วของลิ้นหัวใจ หากพบมีการตีบหรือตัน แพทย์จะพิจารณารักษาด้วยการขยายหลอดเลือดหัวใจโดยใช้บอลลูนขยายหลอดเลือดและขดลวด (Percutaneous Coronary Intervention - PCI) โดยปกติมักทำเมื่อมีการตีบที่รุนแรงมากกว่า 70%

ใครที่ควรทำการสวนหลอดเลือดหัวใจ (CAG)
ผู้ที่มีข้อบ่งชี้ในการตรวจโดยวิธีสวนหลอดเลือดหัวใจทางหลอดเลือดแดงคือผู้ป่วยที่สงสัยภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ เช่น ผู้ที่มีอาการเหนื่อย แน่นหน้าอก หัวใจเต้นผิดจังหวะ มีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าหัวใจเข้าได้กับภาวะหัวใจขาดเลือด 
-    มีอาการเจ็บแน่นหน้าอกที่แย่ลง เป็นถี่ขึ้น เป็นนานขึ้น หรือเกิดขึ้นในขณะพัก
-    มีอาการเจ็บแน่นหน้าอกที่ไม่ตอบสนองโดยการให้ยา
-    มีภาวะหัวใจล้มเหลว
-    มีปัญหาลิ้นหัวใจรั่ว
-    มีความผิดปกติของหัวใจเมื่อทำการวัดด้วยการออกกำลังหรือวิ่งสายพาน
-    ต้องการวัดความดันของห้องหัวใจ
-    การตรวจเพื่อเตรียมการผ่าตัดหัวใจ
-    มีอาการเจ็บหน้าอกที่ไม่สามารถอธิบายด้วยผลการตรวจชนิดอื่น

การสวนหลอดเลือดหัวใจ CAG และ PCI ใช้ในการรักษาโรคอะไร
การสวนหลอดเลือดหัวใจเป็นการวินิจฉัยภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบหรือตัน หรือภาวะผิดปกติของหัวใจอื่น ๆ เพื่อพิจารณาแนวทางการรักษาต่อด้วยวิธีใช้บอลลูนขยายหลอดเลือด (Percutaneous Coronary Intervention - PCI) ซึ่งไม่ต้องทำการผ่าตัด หรือการรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดเพื่อสร้างทางเดินของเลือดใหม่ (Coronary Artery Bypass Graft : CABG)

  • อาการบ่งชี้ของภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบหรือตัน
    มีอาการเหนื่อย แน่นหน้าอกเหมือนมีอะไรมาทับ ร้าวไปที่แขน ไหล่ หรือกรามซ้าย
  • มีอาการเหงื่อออก มักเป็นเวลาที่ออกแรง 
    ผู้ที่เคยมีอาการเจ็บแน่นหัวใจมาก่อน  เมื่อพักแล้วดีขึ้น แต่ต่อมาอาจมีอาการแย่ลง โดยอาการไม่หายไปเมื่อพัก หรือไม่ดีขึ้นหลังอมยาอมใต้ลิ้น เป็นต้น

การเตรียมตัวก่อนทำการสวนหลอดเลือดหัวใจ
ก่อนทำการสวนหลอดเลือดหัวใจ แพทย์จะให้ข้อมูลแก่ผู้ป่วยเพื่อให้รับทราบขั้นตอน ข้อควรระวัง และความเสี่ยง โดยจะแนะนำการงดน้ำงดอาหาร 6 ชั่วโมงก่อนทำการตรวจ รวมถึงการงดยาบางชนิด ยกเว้นในกรณีเร่งด่วน จะมีการเปิดสายน้ำเกลือเพื่อให้น้ำเกลือและยา ติดขั้วสื่อไฟฟ้าเพื่อสังเกตคลื่นไฟฟ้าหัวใจ 
ขั้นตอนการสวนหัวใจ

แพทย์จะทำความสะอาด และฉีดยาชาบริเวณแขนหรือขาหนีบ ในบริเวณที่ทำหัตถการ  หลังจากนั้นจะใส่สายสวนขนาดเล็กเข้าไปตามหลอดเลือดแดงจนไปถึงหลอดเลือดหัวใจ 

แพทย์จะฉีดสารทึบรังสีและถ่ายภาพเอกซเรย์เป็นชุดอย่างรวดเร็ว โดยขั้นตอนการสวนหัวใจและฉีดสีใช้เวลาประมาณ 30-60 นาที หลังจากนั้นแพทย์จะดึงสายสวนออกและใช้พลาสเตอร์ปิดแผลกดเพื่อห้ามเลือดที่บริเวณแผลสักระยะหนึ่ง

ข้อปฏิบัติและแนวทางการดูแลหลังสวนหัวใจ
นอนหงายราบบนเตียงหลังเสร็จสิ้นการตรวจประมาณ 4-6 ชั่วโมง หรือตามความเหมาะสม อาจมีที่ประคบเพื่อห้ามเลือด งดขยับแขน ขา ข้างที่ทำการสวนหลอดเลือดโดยทั่วไปแนะนำให้สังเกตอาการในโรงพยาบาล 1 คืนหลังการสวนหลอดเลือดหัวใจ สังเกตภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น เช่น อัมพฤกษ์ อัมพาต เลือดออกบริเวณที่ใส่สายสวนหากมีอาการผิดปกติ เช่น ปวด บวม จ้ำเลือดเกิดขึ้นควรปรึกษาแพทย์ การพักฟื้นหลังจากได้รับการสวนหัวใจ งดใช้งานหนัก แขนหรือขาข้างที่ทำการสวนหลอดเลือดแดง  งดยกของหนัก 2-4 สัปดาห์ผิวหนังอาจมีรอยช้ำและจ้ำเขียวได้และมักหายไปเองภายใน 2-3 สัปดาห์หลังจาก 2-4 สัปดาห์ หากไม่มีภาวะแทรกซ้อน สามารถกลับไปทำกิจกรรมตามปกติได้

การสวนหัวใจควรทำโดยแพทย์ที่มีความชำนาญ
แพทย์ที่ทำการสวนหลอดเลือดหัวใจและรักษาโดยการใช้บอลลูนขยายหลอดเลือด ต้องเป็นแพทย์อายุรศาสตร์โรคหัวใจ ซึ่งเชี่ยวชาญด้านหัตถการการรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดโดยเฉพาะ และต้องทำในโรงพยาบาลที่มีความสามารถในการรองรับการสวนหลอดเลือดหัวใจและรักษาโดยการใช้บอลลูนขยายหลอดเลือด  ที่ศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลอินทรารัตน์ ให้บริการฉุกเฉินทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง   หลังจากการรักษา มีการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยโดยผู้เชี่ยวชาญและนักกายภาพบำบัด เพื่อลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนในอนาคต