
เกราะป้องกันลูกน้อยตั้งแต่ในครรภ์
การตั้งครรภ์คือช่วงเวลาสำคัญที่คุณแม่ทุกคนต้องการมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกน้อย หนึ่งในโรคที่พ่อแม่หลายคนกังวลคือ การติดเชื้อ RSV (Respiratory Syncytial Virus) ซึ่งเป็นไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคทางเดินหายใจ พบได้บ่อยในเด็กเล็ก โดยเฉพาะทารกอายุต่ำกว่า 6 เดือน การติดเชื้อ RSV อาจทำให้เกิดอาการรุนแรง เช่น หลอดลมฝอยอักเสบและปอดอักเสบ ซึ่งบางครั้งจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
เพื่อป้องกันความเสี่ยงนี้ วงการแพทย์จึงได้พัฒนาวัคซีน RSV สำหรับหญิงตั้งครรภ์ขึ้นมา เพื่อส่งผ่านเกราะภูมิคุ้มกันให้ทารกตั้งแต่ยังอยู่ในครรภ์
วัคซีน RSV คืออะไร?
วัคซีน RSV เป็นวัคซีนชนิดโปรตีนสังเคราะห์ที่ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันต่อเชื้อ RSV เมื่อหญิงตั้งครรภ์ได้รับวัคซีน ร่างกายจะสร้างแอนติบอดี และส่งผ่านภูมิคุ้มกันนี้ไปยังทารกผ่านทางรก ทำให้ลูกน้อยมีภูมิต้านทานปกป้องในช่วง 6 เดือนแรกหลังคลอด ซึ่งเป็นช่วงที่ร่างกายของทารกยังบอบบางและเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากที่สุด

ประโยชน์ของวัคซีน RSV ในหญิงตั้งครรภ์
- ลดโอกาสที่ทารกจะติดเชื้อ RSV รุนแรงตั้งแต่แรกเกิด
- ลดความเสี่ยงการนอนโรงพยาบาลเนื่องจากหลอดลมฝอยอักเสบหรือปอดอักเสบ
- มอบภูมิคุ้มกันตั้งแต่วันแรกที่ลูกลืมตาดูโลก โดยไม่ต้องรอจนถึงวัยที่ฉีดวัคซีนเองได้
- ลดภาระค่าใช้จ่ายและความกังวลของครอบครัวในการดูแลสุขภาพลูก
ความปลอดภัยและการศึกษา
งานวิจัยขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกาและยุโรปพบว่า วัคซีน RSV มีความปลอดภัยสูงต่อทั้งแม่และลูกในครรภ์ ไม่เพิ่มความเสี่ยงของการคลอดก่อนกำหนด หรือภาวะแทรกซ้อนสำคัญ อีกทั้งยังเป็นวิธีที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) ว่าเป็นมาตรการป้องกันโรค RSV ในทารกที่มีประสิทธิภาพ
ใครควรพิจารณาฉีดวัคซีน RSV?
หญิงตั้งครรภ์ทุกคน โดยเฉพาะหากมีปัจจัยเสี่ยง เช่น
-ตั้งครรภ์ในช่วงฤดูระบาด RSV (ปลายฤดูฝน–ต้นฤดูหนาว)
-มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง
-เคยมีลูกคนก่อนป่วยรุนแรงจาก RSV
-กังวลเรื่องภูมิคุ้มกันของลูกในช่วงแรกเกิด
-ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการฉีด
-ควรฉีดในช่วงอายุครรภ์ 24-36 สัปดาห์
-สามารถฉีดได้ถึงอายุครรภ์ 36 + 6สัปดาห์ หรือก่อนคลอด 2 สัปดาห์ หากอยู่ในฤดูระบาด RSV
-การฉีดในช่วงเวลาที่เหมาะสมจะช่วยให้ทารกได้รับภูมิคุ้มกันสูงสุดหลังคลอด
อาการไม่พึงประสงค์ที่อาจพบ
เหมือนกับวัคซีนทั่วไป อาจมีอาการข้างเคียงเล็กน้อย เช่น
-ปวดหรือบวมบริเวณที่ฉีด
-มีไข้ต่ำ ๆ หรืออ่อนเพลียชั่วคราว
-ซึ่งโดยปกติอาการเหล่านี้จะหายไปเองภายใน 1–2 วัน
ข้อควรรู้ก่อนฉีด
-ควรปรึกษาสูติแพทย์ก่อนตัดสินใจฉีดทุกครั้ง
-แจ้งแพทย์หากมีประวัติแพ้วัคซีนหรือยาบางชนิด
-หลังคลอด ทารกยังคงสามารถรับวัคซีนอื่น ๆ ได้ตามปกติ
เรียบเรียงโดย นพ.ปราโมทย์ เชิดรัตนรักษ์
การผ่าตัดเนื้องอกมดลูก เป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้หญิงที่มีปัญหาจากเนื้องอกมดลูก เช่น มีเลือดออกมากผิดปกติ ปวดท้องมาก
เป็นโรคที่เกิดจากการเสื่อมของเยื่อบุตาขาว โดยจะมีลักษณะเป็นก้อนเล็ก ๆ สีเหลืองใส นูนอยู่บริเวณเยื่อบุตาขาวทั้งหัวตาหรือหางตา หลายคนมักเข้าใจผิดว่าการเป็นต้อลมคือเนื้องอกในตา หรือเป็นโรคที่สามารถติดต่อกับผู้อื่นได้ ซึ่งในความจริงแล้วตุ่มที่นูนขึ้นมานั้นไม่สามารถกลายเป็นเนื้อร้ายหรือแพร่เชื้อได้
Copyright @ 2021. All Rights Reserved By Intrarat Hospital